เศรษฐกิจพอเพียงเริ่มง่ายๆด้วยโภชนาการพอเพียง

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงแนะนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) ไว้ รัฐบาลเองพยายามส่งเสริมและผลักดันให้เป็นแนวทางของประเทศทว่ายังงกๆเงิ่นๆกับวิธีปฏิบัติคล้ายหาทิศทางไม่เจอ พวกเราลองมาช่วยรัฐบาลกันหน่อยโดยเริ่มด้วยการฝึกฝนโภชนาการพอเพียงเพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว หากทำได้ถูกต้องย่อมนำไปสู่แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ประโยชน์ย่อมตกอยู่กับทั้งตนเองทั้งประเทศชาติอย่างมหาศาล

โภชนาการพอเพียงไม่ได้หมายถึงกินอาหารอย่างพอเพียงแต่เกี่ยวโยงไปถึงเศรษฐกิจและสังคมทั้งระบบ จะแยกเศรษฐกิจกับสังคมไว้ทางหนึ่ง โภชนาการไปอีกทางหนึ่งไม่ได้ โภชนาการพอเพียง (Sufficiency Nutrition) จึงหมายถึงการจัดหาอาหารเพื่อสร้างสุขภาวะให้กับสรรพสิ่งคือมนุษย์ สัตว์และสิ่งแวดล้อม ในเมื่อสุขภาพหมายถึงองค์สี่ที่สัมพันธ์เกี่ยวข้องกันตั้งแต่สุขภาวะของกาย ใจ จิตวิญญาณและสิ่งแวดล้อม จึงจำเป็นต้องรวมสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ครอบคลุมเศรษฐกิจและสังคมไว้ด้วย

ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์วันนี้เสียชีวิตด้วยภาวะโภชนาการเกินมากกว่าโภชนาการขาดอันเป็นผลจากโลกพัฒนาเศรษฐกิจไปผิดด้านซึ่งตามมาด้วยภาวะโลกร้อนและภัยพิบัติต่างๆ บ่งชี้ชัดว่ามนุษย์เราเพิกเฉยละเลยระบบเศรษฐกิจพอเพียงกันมานานจนเกินไป หากคิดจะนำเอาแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ จำเป็นต้องเรียนรู้โภชนาการพอเพียงพร้อมกันไปด้วย ต้องเน้นย้ำอันตรายของปัญหาโภชนาการเกินที่มีต่อชีวิตมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ต้องส่งเสริมการบริโภคอาหารท้องถิ่นเพื่อลดการผลิตก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ที่มากับการขนส่งเกินจำเป็น ระยะทางการขนส่งอาหาร (Food mile) ต้องไม่ยาวจนเกินไป หาหนทางจัดทำเป็นข้อกำหนดและกฎหมายบังคับใช้ให้ได้

ลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากสารพิษในการเกษตรโดยแนะนำการบริโภคพืชผักตามฤดูกาลและเกษตรพืชสวนให้มากขึ้น ไม่สนับสนุนการผลิตพืชไร่แปลงใหญ่อันเป็นผลให้พืชผักนับหมื่นชนิดกลายเป็นพืชเศรษฐกิจไม่ถึงสิบชนิด อย่างที่เห็นกันอยู่ซึ่งไม่เพียงทำลายหลักการทางโภชนาการพอเพียงเท่านั้นยังทำลายสมดุลธรรมชาติ ทำลายความหลากหลายของทรัพยากร ทั้งยังทำลายเศรษฐกิจและสังคมอย่างที่เห็น การลดการบริโภค รวมถึงการแนะนำการบริโภคอาหารพลังงานต่ำอย่างเช่นใยอาหารประเภทพืชผัก ไม่เพียงแก้ปัญหาโภชนาการเกินยังแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจพร้อมกันไปด้วย

สร้างเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริเริ่มโดยฝึกฝนประชากรให้ชินกับแนวทางโภชนาการพอเพียง หากรัฐบาลและนักการเมืองนำไปใช้เป็นนโยบายทั้งกำหนดยุทธศาสตร์ ทุ่มเทงบประมาณสร้างยุทธวิธีให้เกิดแนวทางปฏิบัติ กลายเป็นกฎหมาย เป็นนโยบาย เป็นกิจกรรมและโครงการกระทั่งเกิดเป็นกระแสต่อเนื่องกระตุ้นให้คนในสังคมสร้างจิตสำนึกที่จะใช้ชีวิตร่วมกันในแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง หากทำได้อย่างนั้นย่อมไม่มีทางที่จะไม่สำเร็จ ชีวิตคนเราเริ่มต้นด้วยความฝัน จึงต้องฝันให้ถูกทั้งร่วมกันสานฝันให้เป็นความจริง ทำได้อย่างนั้นประเทศไทยจะกลับมาเดินในแนวทางที่ถูกต้องและสมควรจะเป็น เกิดความก้าวหน้าอย่างคาดไม่ถึง เขียนแนะนำไว้อย่างนี้แม้ออกจะเป็นความฝันก็ยังดีกว่าไม่ยอมฝันอะไรเลย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *