นบีมุฮัมมัด (ศอลฯ) พลังละมุนแห่งอิสลาม ตอนที่ 4 มหาบุรุษผู้ใฝ่สันติภาพ

ก่อนเหตุการณ์ 911 ที่เกิดขึ้นในนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา อันตามมาด้วยกระแสอิสลาโมโฟเบีย (Islamophobia) แพร่ลามไปทั่วโลก ชาวตะวันตกมากมายชื่นชมท่านนบีมุฮัมมัด (ศอลฯ) ตัวอย่างเช่น ศาสตราจารย์วิล ดูแรนต์ (William James Durant ค.ศ.1885-1981) นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันหลังศึกษาความสำเร็จของนบีมุฮัมมัด (ศอลฯ) ได้ยืนยันด้วยข้อเขียนที่ว่า “ท่ามกลางทะเลทรายอาระเบีย ด้วยความกันดารของสิ่งแวดล้อม ความขัดสนของทรัพยากร ชนอาหรับในยุคสมัยของมุฮัมมัดขัดแย้งกันจนยากที่จะรวมตัวกันได้ มุฮัมมัดคือมหาบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยการยกระดับความรู้และจริยธรรมของหมู่ชนต่างๆในทะเลทรายเวลานั้นกระทั่งสร้างประชาชาติหนึ่งเดียวได้สำเร็จในชั่วชนเพียงรุ่นเดียว กลายเป็นฐานให้ชนรุ่นหลังสร้างจักรวรรดิยิ่งใหญ่ที่มีอิทธิพลมากกว่าครึ่งโลกส่งผลมาจนกระทั่งทุกวันนี้”ความเห็นของศาสตราจารย์วิล ดูแรนต์ ยืนยันได้ด้วยข้อเขียนของคอนสแตนติน เวอร์จิล โกกิว (Constantin Virgil Gheorghiu ค.ศ.1916-1992) นักเขียนชาวโรมาเนีย เจ้าของหนังสือ “มุฮัมมัด ศาสดาที่จำเป็นต้องทำความรู้จักกันใหม่” ที่ว่า “การปฏิวัติที่มุฮัมมัดทำให้เกิดขึ้นในคาบสมุทรอาหรับ หากพิจารณาถึงข้อจำกัดด้านขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณีของชาวอาหรับและอิทธิพลของหัวหน้าของตระกูลต่างๆ ที่มีอยู่สูงในเวลานั้น มุฮัมมัดกลับสามารถทำให้แต่ละตระกูลแต่ละชนเผ่าร่วมกันจัดตั้งหน่วยทางสังคมที่มีขนาดใหญ่ของตนเองขึ้นได้อย่างสันติ เหล่านี้ย่อมถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าการปฏิวัติฝรั่งเศส”เซอร์ยอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ (Sir George Bernard Shaw ค.ศ.1856-1950) นักเขียนรางวัลโนเบลชาวไอริช-อังกฤษกล่าวไว้ว่า “โลกต้องการบุคคลที่มีจิตใจเยี่ยงมุฮัมมัด คนเคร่งศาสนาในยุคกลางด้วยความเขลาและอคติ วาดภาพมุฮัมมัดอย่างไม่ถูกต้องด้วยเห็นว่าเขาคือศัตรูของศาสนาคริสต์ แต่เมื่อข้าพเจ้าศึกษาเรื่องราวของบุรุษผู้นี้กลับพบว่าช่างสุดมหัศจรรย์ เขาไม่เคยเป็นศัตรูของศาสนาคริสต์ ทว่ากลับเป็นผู้กอบกู้มนุษยชาติ ในความเห็นของข้าพเจ้า หากมุฮัมมัดได้รับอำนาจปกครองโลกทุกวันนี้ เขาจะนำโลกกลับคืนสู่สันติภาพที่ทุกฝ่ายแสวงหา”หลังเหตุการณ์ 911 คาเรน อาร์มสตรอง (Karen Armstrong ค.ศ.1944-ปัจจุบัน) นักประพันธ์ชาวอังกฤษ ได้เขียนหนังสือ “ชีวประวัติของศาสดามุฮัมมัด (ศอลฯ)” ที่กลายเป็นหนึ่งในหนังสือขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาและยุโรปโดยเธอเขียนในคำนำของหนังสือว่า “ความมุ่งมั่นของมุฮัมมัดคือยับยั้งพฤติกรรมที่ป่าเถื่อนรุนแรงด้วยความอ่อนโยนและเมตตา เป็นเพราะคำว่าอิสลามหมายถึงความสงบหรือสันติภาพ มุฮัมมัดจึงเป็นผู้แสวงหาสันติภาพอย่างแท้จริง (บุคลิกภาพเช่นนี้เองได้สรรสร้างแนวทางศาสดาหรือสุนนะฮฺที่กลายเป็นแบบอย่างให้ผู้ศรัทธาและมุสลิมปฏิบัติกันทั่วทั้งโลก)” #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน, #นบีมุฮัมมัดพลังละมุนแห่งอิสลาม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *