ชนชาวเติร์กกับพลังและโมเมนตัมที่ขับเคลื่อนประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 43

เมื่ออิสลามเริ่มขึ้นในทะเลทรายอาระเบียตอนต้นศตวรรษที่ 7 เวลานั้นมีมหาอำนาจยิ่งใหญ่สองจักรวรรดิแบ่งกันปกครองดินแดนในโลกตั้งแต่ยุโรปบางส่วน อัฟริกาเหนือไปจนถึงชมพูทวีป ได้แก่ จักรวรรดิโรมันตะวันออกหรือ “ไบแซนไทน์” (Byzantine) และจักรวรรดิ “ซัสซานิด” (Sassanid) หรือเปอร์เซีย ถึง ค.ศ.633-656 จักรวรรดิซัสซานิดค่อยๆล่มสลายลงจากการปราชัยหลายครั้งต่อกองทัพมุสลิมอาหรับ ขณะที่จักรวรรดิไบแซนไทน์ยังยืนยงจนถึง ค.ศ.1453 กรุงคอนสแตนติโนเปิลพ่ายต่อกองทัพมุสลิมเติร์กภายใต้การนำของสุลต่านเมฮฺเมดที่ 2 เป็นอันปิดฉากจักรวรรดิโรมันที่เคยยิ่งใหญ่ กรุงคอนสแตนติโนเปิลกลายเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิอุสมานียะฮฺ สุลต่านเมฮฺเมดที่ 2 ทรงเรียกพระองค์เองว่า “ซีซาร์แห่งโรม” หรือ “ฆอยซอรรุม” (قيصر روما) ปกครองกรุงคอนสแตนติโนเปิลที่เรียกในภาษาเติร์กว่าคอนสแตนตินิเย (Konstantiniyye) ชื่อนี้ไม่เคยเปลี่ยนตลอดราชวงศ์อุสมานียะฮฺ กระทั่งต้นศตวรรษที่ 20 หลังมหาสงครามโลกครั้งที่ 1 จึงเปลี่ยนเป็น “อิสตันบุล” (istanbul) เมื่อจักรวรรดิอุสมานียะฮฺเปลี่ยนมาเป็นสาธารณรัฐตุรกี คำว่าอิสตันบุลแปลงมาจากภาษากรีกแปลว่า “ในเมือง” ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกคอนสแตนติโนเปิลก่อนหน้านั้นมาโดยตลอด โลกอิสลามยุคเก่ามีธรรมเนียมปฏิบัติคือกำหนดตำแหน่ง “คอลีฟะฮฺ” (الخلافة) เป็นผู้นำโลกอิสลาม โดยมักเป็นผู้นำทางศาสนามากกว่าทางการเมือง เว้นเฉพาะยุคที่ชาติมุสลิมก้าวขึ้นมาเป็นจักรวรรดิปกครองพื้นที่โลกมุสลิมส่วนใหญ่ไว้ เมื่อจักรวรรดิอุสมานียะฮฺเริ่มต้นขึ้นตอนต้นศตวรรษที่ 14 ผู้ดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮฺเวลานั้นคือสมาชิกของราชวงศ์อับบาสิยะฮฺที่ทางราชวงศ์มัมลุกในอิยิปต์ยกให้เป็นคอลีฟะฮฺเฉพาะในทางศาสนา ตำแหน่งนี้ถูกเปลี่ยนไปเป็นของสุลต่านราชวงศ์อุสมานียะฮฺตั้งแต่ ค.ศ.1517 เมื่ออียิปต์ของราชวงศ์มัมลุกตกอยู่ภายใต้อำนาจของจักรวรรดิอุสมานียะฮฺในรัชสมัยเซลิมที่ 1 (Selim I) ดังนั้นเมื่อสุลต่านเมฮฺเมดที่ 2 ทรงปกครองกรุงคอนสแตนติโนเปิล พระองค์ทรงเป็นเพียงสุลต่านของจักรวรรดิอุสมานียะฮฺเท่านั้น ทั้งไม่ทรงคิดจะสถาปนาพระองค์เองขึ้นดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮฺ อันที่จริงการปกครองโลกอิสลามในรูปแบบคอลีฟะฮฺตามธรรมเนียมปฏิบัติล่มสลายลงตั้งแต่ ค.ศ.661 เมื่อสิ้นสุดยุคสมัยของคอลีฟะฮฺรอชิดูน (Rashidun Caliphate) หรือสี่คอลีฟะฮฺผู้ทรงคุณธรรมแล้ว ยุคหลังจากนั้นเป็นเรื่องของราชวงศ์ที่ตั้งกันเองว่าเป็นคอลีฟะฮฺเมื่อสุลต่านเมฮฺเมดที่ 2 ทรงได้ชัยชนะต่อคอนสแตนติโนเปิล พระองค์ถูกขนานพระนามว่า “ผู้พิชิต” (The Conqueror) หรือ “อัลฟาติอฺ” (الفاتح Al Fatih) ในภาษาอาหรับ แม้จะไม่ใช่ผู้พิชิตพระองค์เดียวในราชวงศ์อุสมานียะฮฺ โดยยังมีผู้พิชิตเกาะไซปรัส ผู้พิชิตเกาะครีต ทว่าสุลต่านเมฮฺเมดที่ 2 ทรงได้รับการยกย่องในฐานะผู้พิชิตสูงที่สุด ประเทศต่างๆในโลกอิสลามเรียกพระนามพระองค์ว่า “มุฮัมมัด อัลฟาติอฺ” (Muhammad Al Fatih) ในประเทศตุรกีปัจจุบันเมื่อปรากฏคำว่า “อัลฟาติอฺ” ย่อมหมายถึงสุลตานเมฮฺเมดที่ 2 เท่านั้น หลังรัชสมัยสุลตานเมฮฺเมดที่ 2 จักรวรรดิอุสมานียะฮฺยังมีสุลต่านปกครองอีก 29 พระองค์ กระทั่งสิ้นสุดลงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จักรวรรดิอุสมานียะฮฺจึงนำชนเติร์กขึ้นมาอยู่แถวหน้าในประวัติศาสตร์โลก การปกครองจักรวรรดิขนาดใหญ่ยาวนานถึง 600 ปีย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *