อัลบาลาด (Al Balad) ไปเจดดะฮฺอย่าพลาดชม

วานนี้พุธที่ 21 มิถุนายน 2566 เวลา 6 โมงเย็นพวกเราห้าคนไปเที่ยวชมเมืองเก่าของเจดดะฮฺชื่อเมือง “อัลบาลาด” (Al Balad) แปลว่าเมือง ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกของยูเนสโกตั้งอยู่กลางเมืองเจดดะฮฺนั่นแหละ ก่อนอื่นต้องบอกว่าเจดดะฮฺเป็นเมืองในคาบสมุทรอาระเบียที่มีความเป็นมาตั้งแต่ยุคท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ศตวรรษที่ 7 หรือก่อนหน้านั้น หมายความว่าเมืองมีอายุเก่าแก่กว่า 1,400 ปีมาแล้ว เห็นเมืองใหม่เอี่ยมแต่อันที่จริงเป็นเมืองโบราณ ยังโชคดีที่มกุฎราชกุมารมุฮัมมัด บินซัลมาน หรือเอ็มบีเอส ทรงมีพระเนตรยาวไกล เมื่อพระองค์ขึ้นสู่อำนาจ จึงเร่งพัฒนาซาอุดีด้านต่างๆ ทั้งการเป็นศูนย์กลางด้านการพัฒนา ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ด้านอาหารและการเกษตร รวมไปถึงด้านการเป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งอัลบาลาดคือหนึ่งโครงการเปลี่ยนเจดดะฮฺให้เป็นเมืองท่องเที่ยว โดยจัดงบประมาณ 40 ล้านดอลลาร์มาพัฒนาเมืองเก่าแห่งนี้อัลบาลาดที่เรียกกันในอดีตเป็นชุมชนที่รับบรรดาผู้แสวงบุญจากพื้นที่ต่างๆนอกคาบสมุทรอาหรับที่ประสงค์จะมาทำฮัจญฺและอุมเราะฮฺที่มักกะฮฺซึ่งเริ่มตั้งแต่ยุคท่านนบี ความที่เป็นชายฝั่งใกล้นครมักกะฮฺจึงมีชุมชนเมืองเกิดขึ้น เดิมมีค่ายคูประตูหอรบพร้อมพรั่ง รื้อออกในยุคหลัง อัลบาลาดสร้างบ้านแปลงเมืองมาโดยตลอด บ้านเก่ารื้อออกไปบ้านใหม่เข้ามาแทนตามประสาเมืองทั่วไปจนกระทั่งเข้าศตวรรษที่ 20 ผู้คนในเมืองนี้ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าอาหรับฐานะร่ำรวย ทว่าหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเกิดประเทศซาอุดีอาระเบียทั้งมีการขุดพบน้ำมันในทะเลทราย เศรษฐกิจประเทศเปลี่ยนแปลงไป พ่อค้าอาหรับในอัลบาลาดโยกย้ายออกจากพื้นที่เพื่อหาธุรกิจใหม่ เมืองอัลบาลาดเล็กเกินไปสำหรับตนเอง บ้านเรือนที่ส่วนใหญ่สร้างขึ้นใหม่ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 19 จึงถูกทิ้งร้างไว้ เจดดะฮฺยังคงเป็นเมืองท่า อัลบาลาดยังเป็นเมืองทำธุรกิจเพื่อรับผู้แสวงบุญ ผู้คนที่มาจากต่างถิ่นจึงค่อยๆแทรกตัวเข้ามาจับจองบ้านเรือนที่ถูกทิ้งไว้ กระทั่งยุคสมัยใหม่นี่แหละที่เอ็มบีเอสทรงมีนโยบายรักษาสภาพเมืองอัลบาลาดให้เป็นเมืองท่องเที่ยว คนต่างถิ่นที่รุกล้ำเข้ามาจึงถูกโยกย้ายออกไป งบประมาณส่วนหนึ่งนำมาปรับปรุงอาคารที่ทรุดโทรมลงจำนวน 56 หลัง ผมเคยเข้าไปดูเมืองนี้ก่อนการบูรณะโดยเชคยูซุฟ ชุ่มชื่น นักธุรกิจไทยที่ไปประสบความสำเร็จที่เจดดะฮฺพาผมไปดูเมื่อหลายปีมาแล้ว ไปใหม่ครั้งนี้อัลบาลาดเปลี่ยนแปลงไปมาก บ้านเมืองถูกพัฒนากระทั่งยูเนสโกรับเป็นเมืองมรดกโลก ใครไปเที่ยวเจดดะฮฺแล้วไม่ไปเยี่ยมชมอัลบาลาด เท่ากับพลาดชมความสวยงามของเมืองอาหรับยุคกลางเก่ากลางใหม่ที่ผสมผสานหลายอารยธรรมไว้ด้วยกันลองไปดูเถอะ บ้านเรือนแบ่งทาเป็นสามสี สีฟ้า สีเขียว สีน้ำตาล คละเคล้ากันไปตามยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลง แวะไปชมสุเหร่าเก่าที่พื้นฐานอาคารบางส่วนอายุ 1,200 ปี หออะซานหรือมีเนอร่าอายุ 800 ปี ส่วนโครงไม้ประกอบจากอินเดียอายุ 500 ปี ผสมผสานกันได้ลงตัวสวยงามน่าชื่นชม บางอาคารเป็นสถานที่ที่องค์กษัตริย์อัลซาอุดเคยเสด็จมาพำนัก เป็นบ้านที่เรียกว่าบ้านข้างต้นไม้เก่าอายุ 130 ปี เข้าไปเยี่ยมชมด้านในแล้วบอกตามตรงว่าออกอาการทึ่ง ย้อนเวลากลับไปเมื่อครั้งหนึ่งเคยเสียดายว่าซาอุดีอาระเบียรื้อถอนบ้านเมืองเก่าๆแม้กระทั่งบ้านท่านหญิงคอฎียะฮฺ (ร.ฎ.) ภริยาท่านนบี โดยไม่ยอมอนุรักษ์อะไรไว้เลย ทว่าปัจจุบันซาอุดีอาระเบียเข้าสู่ยุคใหม่ การฟื้นฟูความรุ่งเรืองของอาหรับยุคเก่ากำลังจะคืนกลับมา เขาว่าถึงสายยังดีกว่าไม่มาไม่ใช่หรือ #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน, #อัลบาลาดเจดดะฮฺ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *