สิบสามนาทีแห่งความฝัน

สิบสามนาทีแห่งความฝัน

แม้อายุปูนนี้แต่ฝันยังไม่เคยหมด ฝันครั้งใหม่คือการร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่จู่ๆเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (กอท.) พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ขอให้ผมติดตามท่านจุฬาราชมนตรี อาศิส พิทักษ์คุมพล เข้าเฝ้าในวันพระราชพิธีจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม 2562 ผู้ติดตามจุฬาราชมนตรี ด้วย นอกจากผมแล้วยังมีตัวท่านเลขาธิการ กอท. เอง อาจารย์อรุณ บุญชม รองประธาน กอท. อิหม่ามมับรูร บุญมาเลิศ เลขานุการจุฬาราชมนตรี อาจารย์ชารีฟ ศรีเจริญ ผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี คุณคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักจุฬาราชมนตรี

เรานัดพบกันเวลาเที่ยงที่สำนักจุฬาราชมนตรี คลองเก้าวันที่ 6 พฤษภาคม เกือบบ่ายโมงจึงออกเดินทาง ด้วยมอเตอร์ไซด์ตำรวจนำขบวน แม้จะหาทางเข้ากระทรวงมหาดไทยค่อนข้างยากเนื่องจากทัพประชาชนเต็มพื้นที่รอบสนามหลวงลามมาจนถึงแถบคลองหลอดที่มีน้ำสูงเป็นพิเศษ เกือบสองโมงเราก็ถึงกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยเพื่อรวมพลกับทีมจากสภาอุตสาหกรรม สมาคมการค้าไทย-จีน ไทย-อินเดีย ธนาคารไทย แล้ว จากนั้นจึงเดินทางเข้าพระบรมมหาราชวัง ประมาณ 14.30 น.เราเข้าไปอยู่ที่ชั้นสองของพระที่นั่งสุทไธสวรรยประสาท เป็นที่เรียบร้อย ได้พบผู้แทนจากศาสนาต่างๆที่ร่วมขบวนมากับกระทรวงวัฒนธรรมมีทั้งคริสต์ 3-4 นิกาย ฮินดู ซิกข์ ที่มากันหลายคน

บริเวณที่ท่านจุฬาราชมนตรีจะได้เข้าเฝ้าคือใกล้ปากประตูของสีหบัญชรที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงออกไปมีพระราชดำรัสกับประชาชน ข้าราชการ พ่อค้า รวมถึงคณะรัฐมนตรีที่รออยู่ในสนามด้านล่าง สามโมงยังมีประชาชนไม่เต็มพื้นที่ เข้าบ่ายสี่โมงประชาชนด้านล่างที่เห็นจากชั้นบนมีจำนวนนับหมื่นแน่นขนัดไปหมด ใกล้สี่โมงครึ่งท่านนายกรัฐมนตรีจึงนำคณะรัฐมนตรีเข้ามาในลานพระราชพิธี ผมมองลอดหน้าต่างชั้นสองมองลงไปเห็นผู้คนหนาแน่นแล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เนื่องจากไม่มีที่ว่างในพื้นที่ด้านล่างเลย ได้ยินเสียงโห่ร้องเป็นช่วงๆเมื่อวงโยธวาทิศสวนสนามผ่านเข้ามาเป็นระยะ

กระทั่งเวลา 16.50 น.ความตื่นเต้นก็เข้ามาถึงเมื่อ พล.อ.ท.ภักดี ชูโต ณ อยุธยา รองเลขาธิการสำนักพระราชวังขอให้พวกเราตั้งแถวเพื่อเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ 16.57 น.เสียงเพลงสรรเสริญพระบารมีดังมาจากด้านล่าง 16.58 น.ในหลวงและพระราชวงศ์คือพระราชินีสุทิดา พระราชโอรสและพระราชธิดาทั้งสามพระองค์เสด็จเข้าในห้องโถงชั้นสอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนำจุฬาราชมนตรีเข้าเฝ้าเพื่อทูลเกล้าถวายหนังสือถวายพระพร ตามด้วยสมาคมและสภาอุตสาหกรรม จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมจะนำผู้แทนศาสนาต่างๆเข้าเฝ้าทูลเกล้าถวายหนังสือถวายพระพร ใช้เวลาเพียงสองนาที ในหลวงก็เสด็จออกยังสีหบัญชรเข้าสู่กระบวนการถวายพระพรนำโดยนายกรัฐมนตรี

พวกเรายืนอยู่ในห้องโถงที่อยู่ด้านหลัง เมื่อในหลวงและพระราชินีประทับนั่ง พระองค์ภาที่ทรงยืนอยู่ในห้องโถงทรงประทับนั่งพับเพียบกับพื้น พวกเราทุกคนจึงนั่งลงกับพื้นพร้อมกันทั้งหมด ได้ยืนขึ้นอีกครั้งเมื่อพระองค์ภาประทับยืนขึ้นก่อนที่ในหลวงจะทรงเรียกให้ทั้งสามพระองค์เสด็จออกไปที่มุขของสีหบัญชรเพื่อรับการถวายการต้อนรับจากประชาชน

ผมยืนอยู่ด้านหลัง มองลงไปดูมวลประชาชนนับหมื่นโบกธงโห่ร้องขอทรงพระเจริญกึกก้อง เป็นภาพและบรรยากาศยากที่จะลืมเลือน ผมมีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวใกล้ชิดมาแล้วเมื่อครั้งเป็นประธานจัดงานเมาลิดกลางสามปีซ้อน พ.ศ.2558-60 แต่ยังไม่เคยรับเสด็จพระราชินี ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรก ไม่ใกล้ชิดนักแต่ได้เห็นพระสิริโฉม ทรงงามสง่าสมฐานะพระราชินีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 เวลา 17.11 น.จึงเสด็จกลับ พวกเราที่อยู่ในห้องโถงชั้น 2 ของพระที่นั่งสุทไธสวรรยประสาทมีเวลาทอง 13 นาทีที่ได้เข้าเฝ้าใกล้ชิดในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของพระราชพิธีราชาภิเษกนั่นคือช่วงเวลาที่ในหลวงและพระราชวงศ์ทรงพบพสกนิกรของพระองค์ เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน จะว่าเหมือนฝันก็ไม่ผิด หากจะว่าไปเลข 13 เป็นเลขนำโชคให้ผมมาหลายครั้ง มาครั้งนี้ก็ยังเป็นเลข 13 นำโชคไม่เปลี่ยนแปลง