ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกันหากบอกว่า salty หรือเค็ม เป็นสะแลงมีความหมายว่าโกรธหรืออารมณ์เสีย ขณะที่ในภาษาไทย กลับเป็นคำเปรียบเปรยหมายถึงนิสัยตระหนี่ถี่เหนียวที่ว่าเค็มเหมือนเกลือ มีที่มาจากไหน บางคนสรุปเอาว่าเป็นเพราะการใช้เกลือในอาหารนั้นใช้แต่น้อย จึงใช้เกลือได้นานไม่เหมือนการใช้น้ำตาล ที่ใช้กันครั้งละมากๆ เกลือจึงหมายความว่างกหรือขี้เหนียว กลายเป็นอย่างนั้นส่วนเค็มในทางโภชนาการหากมีข้อแนะนำให้ลดเค็ม มักหมายถึงลดการใช้สารโซเดียม ซึ่งส่วนใหญ่หมายถึงการลดเกลือแกงนั่นเอง ทางสมาคมโรคหัวใจอเมริกันแนะนำให้บริโภคเกลือ 1 มิลลิกรัมต่อกิโลแคลอรี่ อย่างคนไทยกินอาหารสองพันกิโลแคลอรี่ควรได้เกลือไม่เกิน 2 พันมิลลิกรัมหรือสองกรัม คำแนะนำให้ลดเค็มจึงหมายถึงให้ลดเกลือหรือโซเดียมในอาหารลง ทว่าในอาหารมีเกลือโซเดียมซ่อนอยู่หลายรูปแบบไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในรูปชองเกลือแกงที่มีรสเค็ม อาจอยู่ในรูปผงชูรส หรือสารกันบูดก็ได้ โซเดียมเหล่านี้แม้ไม่ให้รสเค็ม ใช้ลิ้นทดสอบไม่ได้ ทว่าให้ผลต่อสุขภาพไม่ต่างจากการใช้เกลือแกงสักเท่าไหร่ จึงจำเป็นต้องลดโซเดียมในรูปแบบอื่นๆด้วย ความที่โซเดียมส่วนใหญ่ในอาหารอยู่ในรูปของเกลือแกง การลดอาหารเค็มจึงเป็นวิธีหลักในการลดโซเดียมลง ดีที่สุดคือฝึกรับประทานอาหารที่ไม่เค็ม โดยพยายามรักรสชาติอื่นๆบ้าง ชินกับการใช้พืชผักปรุงรสในอาหาร อย่างเช่นใช้ใบแมงลัก ใบโหระพา หรือพืชผักอื่นๆ หรือใช้น้ำส้ม มะนาว เปลี่ยนจากรสเค็มให้เป็นลดเปรี้ยวบ้าง อีกวิธีหนึ่งการหนึ่งในการลดโซเดียมคือหมั่นอ่านฉลากโภชนาการ ดูปริมาณโซเดียมในอาหาร ใครที่ชอบรับประทานผักผลไม้กระป๋อง ลองล้างด้วยน้ำสะอาดสักครั้งสองครั้ง จะช่วยลดปริมาณโซเดียมที่มีอยู่ได้ถึง 40% เนื่องจากอาหารกระป๋องเหล่านี้นิยมเติมเกลือเพื่อช่วยรักษาสภาพอาหาร นอกจากนี้การเติมเกลือในรูปน้ำปลาหรือซอสปรุงรสต้องบันยะบันยังไว้บ้าง ปริมาณเกลือแกงหนึ่งในสี่ของช้อนกาแฟมีโซเดียมมากถึง 600 มิลลิกรัม เหตุที่มักแนะนำให้ลดเกลือก็เพื่อช่วยลดความดันโลหิต คนทั่วไปมีค่าความดันโลหิตเท่ากับ 120/80 หมายความว่าความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัวจะมีค่าเท่ากับ 120 มิลลิเมตรปรอท ขณะที่ความดันขณะหัวใจคลายตัวมีค่าเท่ากับ 80 มิลลิเมตรปรอท หากสูงไปกว่านี้เป็นสัญญานเตือนว่าความดันโลหิตสูงได้มาเยือนแล้วความดันโลหิตสูงก็เหมือนการเพิ่มแรงดันน้ำในท่อประปา หากตัวท่อมีปัญหาเปราะง่าย เพิ่มความดันน้ำเข้าไปท่ออาจจะแตก หลอดเลือดก็ไม่ต่างกันหากเปราะเพราะมีไขมัน แคลเซี่ยมและโปรตีนเข้าไปสะสมตัวที่ผนังมากๆจะทำให้ขาดความยืดหยุ่น เจอความดันโลหิตสูงเข้า หลอดเลือดฝอยอาจจะแตก หากการแตกเกิดกับหลอดเลือดสมองย่อมสร้างปัญหาอัมพฤก อัมพาตเอาได้ง่ายๆ การลดเกลือหรือโซเดียมจึงเป็นวิธีทางโภชนาการที่ดีที่สุดในการลดความดันโลหิต ย้อนกลับมาที่การเป็นคนเค็มอีกครั้ง คำพูดเปรียบเปรยอย่างนั้น ลดการกินเกลือมันไม่ช่วยเพราะเป็นคนละเรื่อง #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน, #ลดเกลือลดโซเดียม
