ลดหวานลดน้ำตาลลงอีกครึ่ง

รู้ๆกันอยู่ว่าน้ำตาลก่อปัญหาสารพัดโรค หนักมากอย่างเช่นโรคอ้วน เบาหวาน ฟันผุ และอีกสารพัดโรครวมทั้งโรคหัวใจและหลอดเลือด หน่วยงานสุขภาพทั้งหลายรวมทั้งองค์การอนามัยโลกจึงออกมาเตือนว่าอย่าบริโภคน้ำตาลมาก น้ำตาลที่ไม่แนะนำเน้นไปที่น้ำตาลทราย (Table sugar) และน้ำตาลฟรุคโตสไซรัป (High Fructose Corn Syrup, HFCS) ซึ่งก็คือน้ำตาลทรายชนิดเหลว นอกจากนี้ยังไม่แนะนำบรรดาน้ำตาลเชิงเดี่ยวไม่ว่าจะเป็นกลูโคส หรือฟรุคโตสหรือน้ำตาลเชิงเดี่ยวชนิดอื่นๆ ใช้เติมในขนม เครื่องดื่มโซดาหรือน้ำอัดลม หรือน้ำหวานรวมไปถึงน้ำผลไม้ที่มีการเติมน้ำตาล ผลิตภัณฑ์อาหารไม่ว่าจะเป็นเบเกอรี หรือขนมขบเคี้ยว และอีกมากมายหลายอย่าง ในบ้านเราก็อย่างเช่นบรรดาขนมไทยทั้งหลายที่เติมน้ำตาลกันมากกว่าปกติ รวมไปถึงอาหารทั่วๆไปที่นิยมเติมน้ำตาลกันจนหวานเกินเหตุ สรุปคือแนะนำไม่ให้บริโภคอาหารหวานมากเกินไปนั่นเององค์การอนามัยโลกแนะนำว่าคนทั่วไปต้องการพลังงานจากอาหารวันละ 1,800 – 3,000 แคลอรี (หรือที่นิยมเรียกกันในบ้านเราว่ากิโลแคลอรี) พลังงานที่ได้จากคาร์โบไฮเดรตไม่ควรเกินร้อยละ 60 หรือหากร่างกายต้องการพลังงานวันละ 2,000 แคลอรี พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตไม่ควรเกิน 1,200 แคลอรีโดยเป็นพลังงานจากน้ำตาลที่กล่าวถึงข้างต้นไม่ควรเกิน 200 แคลอรี คิดกันง่ายๆในน้ำอัดลมโคล่าหนึ่งกระป๋องขนาด 12 ออนซ์หรือ 330 ซีซี มีน้ำตาลอยู่ประมาณ 39 กรัมหรือ 140 แคลอรี เมื่อคิดถึงว่าคนเราได้น้ำตาลจากอาหารชนิดอื่นๆอีก ใครที่ดื่มน้ำอัดลมหนึ่งกระป๋องก็ถือได้ว่าได้พลังงานจากน้ำตาลเกิน 200 แคลอรีไปแล้ว มาครั้งใหม่นี้โรคอ้วน เบาหวานยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง นักวิชาการจึงแนะนำว่าที่ทางองค์การอนามัยโลกเคยแนะนำว่าไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกินร้อยละ 10 ของพลังงานที่ต้องการต่อวัน หากเป็นคนไทยร่างกายปกติซึ่งต้องการพลังงานวันละ 2,000 แคลอรี จึงไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกินวันละ 100 แคลอรี น้อยระดับนี้ย่อมหมายความว่าไม่แนะนำให้ดื่มน้ำอัดลมเกินวันละครึ่งกระป๋อง ดีที่สุดคือไม่ควรดื่มน้ำอัดลมเลย หากทำได้อย่างนั้นจะให้ประโยชน์กับร่างกายหลายประการ สำคัญที่สุดคือลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือดรวมถึงฟันผุที่เกิดขึ้นเป็นปกติในเด็กและวัยรุ่นส่วนใหญ่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *