ย้อนรอยศึกษา “ซอลาฮุดดิน” แห่งสงครามครูเสดในอดีตเพื่อแก้ปัญหาอ่าวเปอร์เซียวันนี้ (ตอนที่ 2)

มุสลิมกับคริสเตียนทำสัญญาสันติภาพกันช่วงสั้นๆ ก่อนที่สัญญาจะถูกฉีกในปี ค.ศ.1187 ด้วยการปล้นสดมภ์กองคาราวานของพ่อค้ามุสลิมพร้อมกับการสังหารน้องสาวของซอลาฮุดดิน และในปีนั้นเองที่ซอลาฮุดดินเข้ายึดกรุงเยรูซาเล็มคืนจากนักรบครูเสดได้สำเร็จ ความเป็นคนที่ยึดอิสลามเป็นหลัก ซอลาฮุดดินปลดปล่อยเชลยศึกชาวคริสเตียนทั้งหมด ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเมื่อครั้งครูเสดเข้ายึดครองเยรูซาเล็มได้สังหารชาวเมืองมุสลิมจนแทบไม่มีเหลือ ทั้งนี้เป็นเพราะซอลาฮุดดินใช้กฎเกณฑ์การทำศึกแบบอิสลามอย่างเคร่งครัดที่ว่าให้เมตตาและละเว้นต่อผู้ที่ยอมจำนน จุดเด่นอีกประการหนึ่งคือการเป็นผู้ที่รักษาสัจจะ ตรัสคำไหนก็เป็นคำนั้น ไม่เคยเปลี่ยนแปลง มีเรื่องเล่าขานอีกเรื่องหนึ่งคือระหว่างที่ทำการล้อมข้าศึกไว้ในเมือง เมื่อข้าศึกเรียกร้องขอน้ำ ซอลาฮุดดินสั่งให้ทหารนำน้ำในรูปของหิมะเข้าไปให้ชาวเมือง สงครามเมื่อเลิกรากันไปแล้ว พวกครูเสดรวมทั้งนักประวัติศาสตร์พากันยกย่องซอลาฮุดดินว่าเป็นบุรุษที่ยอดเยี่ยมอย่างน่าอัศจรรย์

การยึดเยรูซาเล็มคืนใน ค.ศ.1187 นี่เองที่ทำให้สำนักวาติกันประกาศสงครามศักดิ์สิทธิ์กับมุสลิมเกิดเป็นสงครามครูเสดครั้งที่สามอย่างเป็นทางการ ซึ่งกองทัพครูเสดจำนวนมหาศาลรวบรวมได้จากสามอาณาจักรในยุโรปนำทัพโดยพระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ได้ยาตราทัพเข้ามาตีเยรูซาเล็ม เกิดตำนานขึ้นมากมายในสงครามครั้งนั้น แต่นักประวัติศาสตร์หลายสำนักเชื่อว่ากษัตริย์ทั้งสองพระองค์ไม่เคยรบกันชนิดตัวต่อตัว อีกทั้งเรื่องที่ว่าแค่ได้ยินสุรเสียงของพระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ กองทัพซอลาฮุดดินก็วิ่งกันป่าราบเป็นเพียงตำนานปลอบใจชาวยุโรปเท่านั้น ท้ายที่สุดกองทัพในส่วนของพระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ก็ถอยกลับเกาะอังกฤษเพียงแต่ไม่เคยไปถึงอังกฤษเท่านั้น การถอยทัพเป็นเพราะได้ข่าวความขัดแย้งระหว่างเจ้าชายจอห์นพระอนุชากับโรบินฮู้ดหรือไม่นั้นไม่มีใครทราบ แต่สุดท้ายเยรูซาเล็มก็ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของซอลาฮุดดิน ชาวเมืองไม่ว่าคริสต์ มุสลิม ยิวหรืออาร์เมเนียนสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสันติ

ตลอดรัชสมัยของสุลต่านซอลาฮุดดิน เชลยศึกได้รับการปฏิบัติอย่างดี ไม่มีการขายเป็นทาส ประชาชนทุกศาสนาได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกัน ซอลาฮุดดินทำสงครามจิฮัดกับนักรบครูเสดโดยไม่เคยแสดงอาการรังเกียจชาวคริสเตียนที่อาศัยในเมืองหรือแม้กระทั่งทำร้ายนักรบครูเสดที่ยอมจำนนเลย ระหว่างสงครามทรงนำน้ำไปให้นักรบครูเสดอยู่บ่อยครั้ง น่าเสียดายที่พระองค์สิ้นพระชนม์ใน ค.ศ.1193 พระชนมายุได้ 56 ปีเท่านั้น

แต่ก่อนคนเรายังโง่ คนยุคก่อนจึงทำสงครามศาสนากันเอาเป็นเอาตาย มาถึงวันนี้แม้วันเวลาผ่านไปถึง 8 ศตวรรษ คนยุคใหม่ก็ยังไม่ฉลาดขึ้น ความเกลียดชังยิ่งหนักไปกว่าเก่าโดยครั้งนี้เป็นความเกลียดชังระหว่างมุสลิมด้วยกันคือสุนหนี่กับชีอะฮฺ ทั้งสองฝ่ายปล่อยปละให้โลกตะวันตกที่ยิ่งฉลาดล้ำลึกขึ้นมีพลังอำนาจมากขึ้นยุยงให้ทำสงครามระหว่างกัน สงครามเวลานี้ยังไม่เกิด ทั้งสองฝ่ายยังเพียงรำกระบี่ใส่กัน เป็นแค่ Phony war คิดจะหยุดสงครามก็ทำได้โดยให้ทั้งสองฝ่ายย้อนรอยกลับไปศึกษาเรื่องราวความสำเร็จของซอลาฮุดดินในอดีต 800 ปีมาแล้ว หากได้ศึกษาบ้างก็คงดี