ตรุษจีนในซอกมุมชุมชนจีนสำเพ็งยุคเก่าของกรุงเทพฯ

ตรุษจีน พ.ศ.2567 ตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ซึ่งคนจีนถือเป็นวันเที่ยว โดยสองวันก่อนหน้านั้นคือวันที่ 8 กุมภาพันธ์เป็นวันจ่าย และวันที่ 9 กุมภาพันธ์คือวันไหว้ ในยุคก่อนวันไหว้สำคัญมาก ไหว้กันตั้งแต่เช้าตรู่ เริ่มด้วย “ไป่เล่าเอี้ย” ไหว้เทพยดาฟ้าดิน ช่วงสายเป็น “ไป่แปบ๊อ” ไหว้บิดามารดาและบรรพบุรุษ ถึงช่วงบ่ายจบด้วย “ไป่ฮ้อเฮียตี๋” ไหว้ญาติพี่น้องที่เสียชีวิตไปแล้ว ไม่ลืมแม้แต่การไหว้ผีไม่มีญาติ สามวันของตรุษจีน คนไทยรู้จักกันดี ทว่ามีคนไม่มากนักที่รู้ว่าวันนี้วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2567 คือวันแรกของประเพณีตรุษจีน เป็นวันที่เรียกว่า “ซิงเจียที” หรือ “ส่งเจ้าขึ้นสวรรค์” ผมสนใจตรุษจีนมานานจากสองเหตุผล ผมมีเชื้อจีนกับเขาเหมือนกัน เป็นสาแหรกด้านคุณแม่ โดยคุณยายมีเชื้อจีน ส่วนคุณทวดหรือคุณแม่ของคุณยายมาจากเมืองจีน นั่นเป็นเหตุผลที่หนึ่ง ส่วนเหตุผลที่สอง เมื่อครั้งอยู่มัธยมต้น ผมเรียนในโรงเรียนย่านสะพานหันของกรุงเทพฯ เพื่อนเกือบทั้งห้องเป็นลูกจีนมาจากสำเพ็งที่เดินไปไม่ไกลนัก ผมจึงคลุกคลีตีโมงอยู่ในย่านสำเพ็งบ่อยๆ เพื่อนรักของผมชื่อ “หยูเตี้ย แซ่ฉั่ว” อาศัยอยู่ในอาคารรวมของซอกมุมกลางสำเพ็งกับหลายครอบครัว มีผู้คนนับจำนวนร้อยอาศัยในอาคารนั้น เพื่อนผมแออัดอยู่ในห้องขนาดเล็กที่แบ่งเป็นสองชั้น ผมไปกินนอนอยู่ที่นั่นหลายครั้ง ได้สัมผัสกับชีวิตชุมชนจีน จึงรู้จักพิธีซิงเจียทีในยุคก่อน รู้ว่าเป็นพิธีสำคัญ มาถึงยุคใหม่เสียดายที่พิธีนี้จางลงมากแล้วในพิธีส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ อาหารที่ใช้ไหว้เน้นไปที่ขนมที่ทำจากข้าวเหนียวร่วมกับขนมหวานโดยเชื่อว่าข้าวเหนียวทำให้เทพประจำครัวที่เรียกกันว่า “เฉาชุน” หรือ “เจากุง” ที่ไหว้กันวันนั้นเพื่อส่งขึ้นสวรรค์ไปรายงานเรื่องของครอบครัวต่อเง็กเซียนฮ่องเต้ ข้าวเหนียวทำให้เจ้าปิดปากสนิทไม่พูดมาก ไม่เอาเรื่องราวที่ไม่น่าฟังนักในครอบครัวขึ้นไปรายงาน จะพูดเฉพาะคำหวานอันเป็นผลมาจากขนมหวานที่ใช้ไหว้เท่านั้น ขนมโปรดวันตรุษจีนสำหรับผมไม่ใช่ขนมเทียน หรือขนมเข่ง ผมชอบ “โหงวเส็กทึ้ง” หรือจันอับมากกว่า จะเรียกว่าจับกิ้มหรือแต้เหลียงหรือขนมห้าสีก็ได้ เป็นสีขาวของถั่วเคลือบน้ำตาลและข้าวพอง สีแดงของถั่วเคลือบน้ำตาล สีดำของงาตัด สีน้ำตาลของถั่วตัด และสีเหลืองของฟักเชื่อม วันเวลาผ่านมาเนิ่นนานผมไม่ได้กินจันอับนับแต่หยูเตี้ยเพื่อนรักของผมเสียชีวิตเมื่อหลายสิบปีก่อน อาคารเก่าขนาดใหญ่ที่เคยเป็นที่อยู่ของเขาถูกรื้อทิ้ง ครอบครัวในอาคารหลังนั้นกระจัดกระจายหายไปไหนบ้าง ผมไม่ทราบเลย ส่วนที่เหลืออยู่คือความทรงจำที่ดีสำหรับผมที่มีต่อคนไทยเชื้อสายจีนทั้งหลาย ไม่เคยจางหายไปไหน “ซันเจงหยี่ยี ซันหนินฝัดฉ่อย” “ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้” “ขอให้มั่งมี สมปรารถนาทุกประการ” สำหรับเพื่อนชาวไทยเชื้อสายจีนทุกคนในวันตรุษจีนปีนี้#ดรวินัยดะห์ลัน, #drwinaidahlan, #ตรุษจีน2567, #สำเพ็งยุคเก่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *