คิดให้ได้ว่าตนเองป่วยจำเป็นต้องหยุดแพร่เชื้อ

เวลานี้จันทร์ที่ 23 มีนาคม 2563 ประเทศไทยกำลังทำสถิติติดเชื้อโควิด-19 ในอาเซียนชนิดมาแรงแซงโค้งไล่จี้มาเลเซียไปติดๆ คาดว่าจะเกิน 1,000 ไปในอีกไม่กี่วันนี้ เร็วกว่าที่เคยคาดกันไว้ จำเป็นต้องชะลอม้าประเทศไทยให้ลดความเร็วลงให้ได้ การปิดบาร์ คลับ สนามมวย สนามกีฬา ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์สโตร์ โรงเรียน สถานที่ทำงาน ฯลฯ เพื่อเร่งขยายระยะห่างระหว่างบุคคลหรือ social distancing ที่ทำกันอยู่ในขณะนี้ ชัตดาวน์กันเป็นรายจังหวัด กำหนดกรุงเทพฯเป็นโซนอันตราย ใครมาจากกรุงเทพฯเป็นต้องถูกกักตัว 14 วัน เป็นมาตรการเพื่อหาทางลดความเร็วของม้าประเทศไทยทั้งสิ้น หากช้าไปเราจะประสบชะตากรรมไม่ต่างจากอิตาลีที่ต้องเกณฑ์ทหารมาขนศพตามโรงพยาบาล นำไปฝังชนิดที่ญาติพี่น้องไม่มีโอกาสอำลา เศร้ากันขนาดนั้น

วันนี้หลายฝ่ายได้บทเรียนกันพอสมควร ผู้ไปสนามมวย ไปงานชุมนุมทางศาสนา เข้าใจว่าตนเองไม่ป่วย จึงตามมาด้วยปัญหามากมาย เริ่มจากไม่ยอมรายงานตัว ยังใช้ชีวิตตามปกติ ทำให้ตนเองกลายเป็นพาหะชั้นดีนำพาไวรัสโคโรน่าไปแพร่ต่อยังลูกหลาน ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงหรือแม้กระทั่งคนไม่รู้จัก เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อประเทศไทยพุ่งสูงรวดเร็วยิ่งกว่าติดจรวด สิ่งที่ฝ่ายสาธารณสุขที่เป็นแนวหน้าในสงครามโควิด-19 ครั้งนี้ต้องขอความร่วมมือคือการสร้างระยะห่างของแต่ละคน เรื่องระยะห่าง 2 เมตรนี้สร้างปัญหาพอสมควร ระยะที่ว่านี้เป็นเพียงการลดไม่ใช่หยุดการแพร่ระบาดต้องสร้างความเข้าใจกันใหม่ให้ได้

หากประชาชนพากันเข้าใจว่าการสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือด้วยสบู่หรือเจลอย่างถูกต้อง การสร้างระยะห่างสองเมตร การวัดอุณหภูมิร่างกายนั้นปลอดภัยแล้วความคิดเช่นนั้นอันตรายที่สุด เวลานี้สิ่งที่พบว่าได้ผลคือการอยู่บ้าน ตัดขาดจากผู้อื่นอย่างสิ้นเชิง หากทำไม่ได้ ประชาชนยังขาดวินัย ประเทศไทยก็ยังเป็นม้าที่ห้อตะบึงอย่างน่ากลัวต่อไป แต่ละคนต้องปรับวิธีคิดให้ได้ว่าตนเองเป็นผู้ป่วยที่ต้องไม่แพร่เชื้อ เมื่อตัดวงจรคือตนเองได้หนึ่งคน อาจหมายถึงคนนับร้อยไม่ต้องติดเชื้อจากตนเองในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คิดกันให้ได้อย่างนั้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *