ผมเคยไปฮัจญฺครั้งเดียวในชีวิตเมื่อ พ.ศ.2540 ผ่านมา 26 ปีแล้ว แต่กับอุมเราะฮฺ (ฮัจญฺเล็ก) ผมไปมาแล้วเกือบสิบครั้ง อย่างไรก็ตาม อุมเราะฮฺเปรียบเทียบกับฮัจญฺไม่ได้ ทั้งขนาดของพิธี ทั้งปริมาณผู้แสวงบุญ ทั้งบรรยากาศ กระทั่ง พ.ศ.2554 ผมได้รับเชิญไปร่วมฮัจญฺกษัตริย์แต่จำต้องสละสิทธิ์ เมื่อมวลน้ำเหนือขนาดมหึมาไหลบ่าลงมายังกรุงเทพฯกระทั่งใกล้จะท่วมบ้านที่อ่อนนุชมาปีนี้ผมได้รับเชิญเข้าร่วมฮัจญฺกษัตริย์อีกครั้ง ส่งชื่อพร้อมภรรยาไปซาอุดีอาระเบียเป็นที่เรียบร้อย ปรากฏว่าทางกระทรวงฮัจญฺและอุมเราะฮฺเมื่อเห็นรายชื่อแขกจากประเทศไทย ได้แยกชื่อผมและภรรยาออกโดยเชิญผมเป็นองค์บรรยายในการประชุมวิชาการ Grand Hajj Symposium 1444 AH ในวันที่ 20 มิถุนายนที่เจดดะฮฺโดยทางกระทรวงจะดูแลการทำฮัจญฺของผมและภรรยาให้ ซึ่งเป็นคนละโปรแกรมกับฮัจญฺกษัตริย์ ผมจะมีโอกาสแลกเปลี่ยนทางวิชาการกับนักวิชาการมุสลิมที่มาจากทั่วโลก นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เวลานี้ทางซาอุดีอาระเบียกำลังขับเคลื่อนงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเป็นการใหญ่ จึงอยากเรียนรู้ประสบการณ์ด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาลซึ่งเป็นศาสตร์ที่เริ่มพัฒนาจากประเทศไทยในความเชื่อของมุสลิม การงานนั้นอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงตระเตรียมไว้ให้ จึงไม่คาดคิดว่าจะมีโอกาสได้ไปฮัจญฺอีกครั้ง ยิ่งไม่เคยฝันว่าจะไปทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนทางวิชาการจากประเทศไทยไปให้ข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาลแก่นักวิชาการที่มาจากทั่วโลกทั้งประเทศมุสลิมและมิใช่มุสลิม เกินฝันกว่านั้นคือได้พาภรรยาไปทำฮัจญฺครั้งแรกของเธอพร้อมกันไปด้วยผมจะเดินทางบ่ายนี้ สิ่งหนึ่งที่อยากจะขอจากพวกเราในฐานะเพื่อน พี่ น้อง รวมทั้งผู้มีพระคุณทั้งหลายทั้งที่เป็นมุสลิมหรือต่างความเชื่อ หากมีสิ่งใดที่ผมและครอบครัวล่วงเกินกับพวกเราทั้งทางกาย วาจา และใจ ผมขอมาอัพ ขออภัย ขอขมาลาโทษต่อพวกเราทุกคน ฝากพวกเราอำนวยพรให้ผมและภรรยาได้ฮัจญฺที่สมบูรณ์ มับรูร ขอขอบคุณกับน้ำใจไมตรีที่ได้รับจากพวกเรามาตลอด #ดรวินัยดะห์ลัน, #drwinaidahlan, #ฮัจญฺ
