การขยายออกและหดเข้าของจักรวาลที่ปรากฏในอัลกุรอาน

อัจฉริยะอย่างอัลเบิร์ต ไอนสไตนส์ (ค.ศ.1879-1955) ใช่ว่าจะไม่เคยนำเสนอแนวคิดทางฟิสิกส์ที่ผิด อย่างการกำหนดค่าคงที่ของจักรวาลนั่นไง ไอนสไตน์เข้าใจว่าจักรวาลนั้นไม่เปลี่ยนแปลงจึงกำหนดค่าคงที่ไว้ เอาเข้าจริงนักดาราศาสตร์รุ่นน้องอย่างเอ็ดวิน ฮับเบิล (ค.ศ.1889-1953) ได้พิสูจน์ว่าจักรวาลนอกจากจะไม่คงที่แล้วยังขยายตัวออกตลอดเวลาด้วยความเร่ง คำถามคืออะไรเป็นสาเหตุให้จักรวาลขยายตัวออกไปได้อย่างนั้น 

คำอธิบายเป็นทฤษฎีทางฟิสิกส์ล้วนๆ มีหลายเรื่องที่นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ (Astrophysicist) ยังหาคำตอบไม่ได้ อย่างเช่นว่าแรงดึงดูด (gravity) ทำงานอย่างไร อวกาศที่กั้นกลางระหว่างดาวสองดวงที่มีแรงดึงดูดระหว่างกันเป็นที่ว่างไม่มีอะไรเลยจริงๆหรือ หากเป็นที่ว่างอะไรทำให้มันมีแรงดึงดูดระหว่างกัน และเมื่อมีแรงดึงดูดแล้วเหตุใดมันจึงไม่เคลื่อนเข้าชนกัน มีอะไรขวางกั้นไว้ คำถามมีสารพัด สุดท้ายในคำตอบกลายเป็นที่มาของสิ่งที่เรียกว่า “สสารมืด” (dark matters) และ “พลังงานมืด” (dark energy)

เมื่อมีแรงดึงดูดก็ย่อมมีแรงผลัก เหตุที่จักรวาลไม่เข้ามารวมเป็นก้อนเดียวกันแต่ขยายตัวออกไปเรื่อยก็เพราะแรงผลักมีมากกว่าแรงดึงดูดมหาศาลทำให้มันขยายตัวออกไปด้วยความเร่ง ส่วนที่เป็นแรงดึงดูดนั้นนอกเหนือจากมวลที่มาจากดวงดาวเองแล้วยังมีมวลอีกกลุ่มหนึ่งที่มีมากกว่ามวลของดวงดาวหลายร้อยเท่าทว่ามวลเหล่านั้นกลับมองไม่เห็นจึงเรียกว่าสสารมืด ขณะที่แรงผลักปริมาณมหาศาลนั้นนักดาราศาสตร์เชื่อว่ามาจากสิ่งที่เรียกว่าพลังงานมืด นักดาราศาสตร์ตรวจสอบมวลของดวงดาวต่างๆในจักรวาลโดยดูจากการแผ่รังสี การวัดในลักษณะนั้นรวมทั้งวิธีการอื่น สิ่งที่พบคือมวลของดวงดาว เศษดาวและมวลอื่นๆในจักรวาลที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการแผ่รังสีมีแค่ 4% เท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 96% มาจากสิ่งที่ไม่รู้ เมื่อศึกษามากเข้าจึงพบว่าสิ่งที่ไม่รู้นั้นคือสสารมืด 22% และอีก 74% คือพลังงานมืด

จักรวาลกำลังขยายตัวออกแต่ถึงจุดหนึ่งนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์เชื่อว่าการขยายตัวจะชะลอลงโดยเกิดแรงดึงดูดมหาศาลที่ทำให้ทั้งจักรวาลเริ่มหดตัวกลับเข้ามาด้วยความเร่งเช่นเดียวกับตอนขยายตัว นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “บิ๊กครันซ์” (Big crunch) อันเป็นปรากฏการณ์ตรงข้ามกับบิ๊กแบง (Big bang) โดยสรุปคือจักรวาลที่เคยรวมอยู่ด้วยกันต่อมาขยายตัวออกจากการเกิดบิ๊กแบงก่อนจะม้วนคืนกลับมาอีกครั้งด้วยบิ๊กครันซ์ นี่คือสิ่งที่นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ตั้งเป็นทฤษฎีไว้ ไม่น่าเชื่อว่าปรากฏการณ์เหล่านี้คลับคล้ายว่าได้ถูกระบุไว้แล้วในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน น่าอัศจรรย์ใจไหม

يَوۡمَ نَـطۡوِىۡ السَّمَآءَ كَطَـىِّ السِّجِلِّ لِلۡكُتُبِ‌ ؕ كَمَا بَدَاۡنَاۤ اَوَّلَ خَلۡقٍ نُّعِيۡدُهٗ‌ ؕ وَعۡدًا عَلَيۡنَا‌ ؕ اِنَّا كُنَّا فٰعِلِيۡنَ

‏“วันซึ่งเรา (อัลลอฮฺ) จะม้วนชั้นฟ้าประหนึ่งการม้วนแผ่นกระดาษสำหรับการบันทึก ดังเช่นที่เราได้ให้มีการบังเกิดครั้งแรก เราจะให้กลับเป็นขึ้นมาอีก เป็นสัญญาผูกพันกับเรา แท้จริงเราเป็นผู้กระทำอย่างแน่นอน” อัลอัมบิยาอฺ 21:104