ไม่มีอะไรแพร่ขยายได้เท่าความกลัว คำๆนี้เป็นสัจธรรมที่เขียนไว้บนหน้าปก DVD ภาพยนตร์เก่าเรื่อง Contagion ที่หมายถึงโรคจากการสัมผัสสร้างขึ้นเมื่อ 9 ปีที่แล้ว กล่าวถึงโรคจากไวรัสของค้างคาวที่ไปกลายพันธุ์ในหมูก่อนระบาดสู่คนโดยเริ่มจากฮ่องกงก่อนแพร่ไปทั่วโลกคร่าชีวิตผู้คนไป 20 ล้านคน ไวรัสว่าแพร่เร็วแล้ว ความกลัวแพร่เร็วยิ่งกว่า สุดท้ายก่อความตื่นตระหนกส่งผลให้ผู้คนแห่ตุนอาหาร ยารักษาโรค ถึงขนาดปล้นเมือง กลายเป็นจลาจลไปทั่วทั้งโลก
ในภาพยนตร์กล่าวถึงนักข่าวเจ้าเล่ห์ที่สร้างทั้งสถานการณ์ขยายทั้งความหวาดกลัว โดยร่วมกับบริษัทยาสร้างข่าวลวงเพื่อปั่นราคายา กระทั่งวุ่นวายกันไปหมด เทียบกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในวันนี้แล้วหลายส่วนแทบไม่ต่างกัน ข่าวจริงข่าวปลอม ข่าวลวงเต็มโซเชียลไปหมด ผู้ได้ประโยชน์เต็มๆจากสถานการณ์ความตื่นตระหนกในวันนี้คือบริษัทขายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และอาหาร ส่วนจะมีนักสร้างข่าว นักการเมือง ข้าราชการได้ประโยชน์ร่วมด้วยเช่นในภาพยนตร์หรือไม่ ไม่ทราบได้ บอกได้เพียงว่าการขาดตลาดอย่างรุนแรงของผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์อยู่ในสภาวะที่นับว่าสุดทน
ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ที่ผมดูแลอยู่ใช้มาสค์ (mask) หรือหน้ากากอนามัยเดือนละหลายกล่อง เดิมทีขาย 50 ชิ้น 65 บาทซื้อกันมาหลายปี เวลานี้ราคาขึ้นไปมากกว่า 10 เท่าขาย 50 ชิ้นตั้งแต่ 900 บาทถึง 1,500 บาท กระทั่งโรงพยาบาลเองแทบหาซื้อใช้ไม่ได้ แพทย์พยาบาลขาดแคลนมาสค์ในการดูแลผู้ป่วย แอลกอฮอล์ขาดตลาด คนเห็นแก่ได้นำมาสค์มือสองออกมาจำหน่ายจะมีแอลกอฮอล์ด้อยคุณภาพออกมาจำหน่ายบ้างหรือเปล่า ดูเหมือนเวลานี้แทบควบคุมอะไรไม่ได้เลย
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในสถานการณ์วันนี้คือความกลัว เหยื่อที่น่าสงสารที่สุดในวันนี้คือประชาชนที่ตื่นตระหนก สิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขในวันนี้คือการกำจัดข่าวลวงนำเสนอข่าวจริง เป็นข่าวจริงที่ไม่แฝงด้วยผลประโยชน์หรือเติมคำแนะนำที่ยิ่งทำให้ตื่นตระหนกมากขึ้น ฝากทางกระทรวงพาณิชย์ช่วยควบคุมราคาสินค้าให้ด้วย ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานในห้องปฏิบัติการ แพทย์ พยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยพากันตื่นตระหนกกันไปหมดแล้ว ไม่ได้ตื่นตระหนกกับโควิด-19 แต่กับราคาผลิตภัณฑ์สินค้าจำเป็นที่แพงสุดกู่แย่กว่านั้นคือแทบหาซื้อไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับปัญหานี้ไปอีกนานเท่าไหร่
