นบีมุฮัมมัด (ศอลฯ) พลังละมุนแห่งอิสลาม ตอนที่ 25 สิทธิเด็กและสตรี

หนึ่งในบุคลิกภาพที่โดดเด่นกระทั่งเป็นอัตลักษณ์ของท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) คือการให้เกียรติต่อสตรีและการให้ความรักต่อเด็ก ช่วงเวลาที่ท่านนบีถือกำเนิดตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 6 คาบสมุทรอาระเบียอยู่ในยุคเพศชายเหนือกว่า (Male Superiority) เพศหญิงต่ำกว่า (Female Inferiority) บิดาเป็นใหญ่ (Patriarchy) บ่อยครั้งทารกเพศหญิงถูกบิดาฝังทั้งเป็น การสังหารทารก (Infanticide) เป็นสิ่งปกติ ในคัมภีร์อัลกุรอาน เช่น อัตตักวีรฺ 81:8-9 ระบุว่าในวันกิยามะฮฺหรือวันวิพากษา ทารกเหล่านั้นจะทวงถามว่าเขาถูกสังหารด้วยความผิดอะไรท่านนบีมุฮัมมัดแนะนำให้ชายปฏิบัติอย่างดีต่อภรรยาและบุตรสาว “คุณมีสิทธิเหนือผู้หญิงของคุณและผู้หญิงของคุณมีสิทธิเหนือคุณ” อิสลามกำหนดอย่างนั้น ชายและหญิงจึงมีความเท่าเทียมกัน สตรีได้รับสิทธิในมรดก ทรัพย์สิน สิทธิทางสังคม การแต่งงาน รวมถึงสิทธิในการปฏิเสธเงื่อนไขของข้อเสนอและเริ่มต้นการหย่าร้าง โดยก่อนหน้าการมาของอิสลาม สตรีในคาบสมุทรอาหรับไม่เคยได้รับสิทธิเหล่านั้น ท่านนบีมุฮัมมัดกำพร้าบิดาก่อนถือกำเนิด กำพร้ามารดาตั้งแต่อายุยังน้อย ใช้เวลาอยู่กับมารดาสั้นมากแต่กระนั้นท่านก็ยังเห็นความสำคัญของความเป็นมารดา ท่านกล่าวว่า “สวรรค์อยู่ใต้ฝ่าเท้ามารดา” ในฐานะบิดาที่เลี้ยงดูบุตรสาวสี่คนในสังคมที่ยกย่องเฉพาะบุตรชาย ท่านนบีเตือนบิดาคนอื่นๆ ว่าหากทำให้บุตรสาวพูดถึงพวกเขาในแง่ดีในวันกิยามะฮฺ พวกเขาจะเข้าสวรรค์ ในประวัติศาสตร์อิสลาม พระนางคอฎิยะฮฺ ภรรยาคนแรกของท่านนบี คือบุคคลแรกที่ท่านนบีมุฮัมมัดเปิดเผยเรื่องราวการรับวิวรณ์หรือวะฮฺยูครั้งแรก พระนางจึงเป็นมุสลิมคนที่สองหลังจากท่านนบีมุฮัมมัด ในยุคที่ฝ่ายชายถือสิทธิการมีภรรยาหลายคนในยุคนั้น ท่านนบีกลับซื่อสัตย์ต่อพระนางคอฎียะฮฺเพียงผู้เดียว จนกระทั่งพระนางเสียชีวิตใน ค.ศ.619 เมื่อท่านนบีอายุห้าสิบปีในช่วงเวลาของการสร้างประชาชาติอิสลามที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่เวลานั้น ท่านนบีแต่งงานกับสตรี 12 นาง มิใช่ด้วยเหตุผลทางเพศเช่นชายอื่น ทว่าเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการเมืองและเพื่อจรรโลงศีลธรรม เช่น การให้ที่พักพิงแก่หญิงม่ายที่สามีเสียชีวิตหรือถูกสังหารในสนามรบ แม้กระทั่งแก่ภรรยาของศัตรูที่เสียชีวิต ในการแต่งงานทั้งหมด มีเพียงครั้งเดียวที่เป็นประเด็นนั่นคือการแต่งงานกับภรรยาที่หย่าร้างของบุตรชายบุญธรรมของท่าน ทั้งชีวิตของท่านนบีมุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ท่านมีภรรยาเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่เคยสมรสมาก่อน เป็นภรรยาที่กล่าวกันว่าท่านนบีให้ความรักมากที่สุดคือ “พระนางอาอีซะฮฺ” ธิดาของท่านอบูบักรฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮฺ เพื่อนสนิทของท่านนบี พระนางอายุอ่อนกว่าท่านนบี 35 ปี การหมั้นหมายกับท่านนบีเกิดขึ้นภายหลังพระนางคอฎียะฮฺจากไป พระนางอาอีซะฮฺอาศัยอยู่กับบิดามารดากระทั่งท่านนบีอพยพไปยังเมืองยาธริบหรือมะดีนะฮฺในปีฮิจเราะฮฺตรงกับ ค.ศ.622 จากนั้นหนึ่งปีพระนางในวัยสาวอายุ 18 ปีจึงสมรสกับท่านนบี #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน, #สิทธิเด็กและสตรี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *