โควิด-19 กับนัสรุดดิน

นัสรุดดิน (Nasruddin หรือ Nasreddin) เป็นคนในตำนานยุคจักรวรรดิออตโตมาน มีชีวิตช่วงศตวรรษที่ 13 หรือยุคต้นสุโขทัยในดินแดนที่เป็นประเทศตุรกีปัจจุบัน จะมีตัวตนจริงหรือไม่ยังถกเถียงกันอยู่ นัสรุดดินเป็นคล้ายนักปราชญ์ ฉลาดหลักแหลม มีเรื่องราวสนุกๆของนัสรุดดินเล่าขานไว้มากมาย เช่น ครั้งหนึ่งชายคนหนึ่งบ่นให้นัสรุดดินฟังว่าบ้านเขาคับแคบมาก นัสรุดดินจึงแนะนำให้ซื้อไก่มาเลี้ยงไว้ในบ้าน เลี้ยงได้สักพัก กลับมาบ่นอีกครั้ง นัสรุดดินแนะนำให้เลี้ยงแพะเพิ่ม บ้านยิ่งคับแคบกว่าเก่า นัสรุดดินจึงแนะนำให้เลี้ยงวัวเพิ่ม หลังจากนั้นแนะนำให้ขายไก่ออกไป ตามด้วยการขายแพะ ในที่สุดคือขายวัว นับแต่นั้นเจ้าของบ้านยอมรับว่าบ้านกว้างขวางขึ้นมาก ไม่เคยกลับมาบ่นอีกเลย

เรื่องราวนี้คลับคล้ายสถานการณ์ในบ้านเรายุคโควิด-19 ระบาด ผู้คนอึดอัดอยู่ในบ้าน ออกไปไหนไม่ได้ บางพื้นที่ถูกเคอฟิวกำหนดเวลาออกจากบ้านอีกต่างหาก ร้านรวงปิดหมด ธุรกิจหยุดทำการ เกิดการชะงักงันทางเศรษฐกิจ ผู้คนออกอาการหงุดหงิด อยากให้กลับไปมีสภาพเดิม โดยลืมไปว่าการจะกลับไปมีสถานะเดิมได้นั้นต้องผ่านกระบวนการผ่องถ่ายไก่ออกไปก่อน จากนั้นจึงเป็นแพะ ก่อนจะขายวัวออกไป ทำได้อย่างนั้นสถานการณ์จึงกลับไปเหมือนเดิมได้ ทุกวันนี้ในบ้านมีทั้งไก่ แพะ วัวเดินกันเต็มไปหมด อึดอัดจนแทบทนไม่ไหว คำถามคือเมื่อไหร่จึงจะผ่องถ่ายไก่ออกไปได้ เอาขั้นนี้เป็นการเริ่มต้นก่อน

สถานการณ์โควิด-19 จะผ่องถ่ายไก่ออกจากบ้านได้ จำเป็นต้องมีตัวเลขจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ลดลงหรือคงที่ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 14 วัน นั่นเป็นเงื่อนไขที่ 1 เงื่อนไขที่ 2 คือต้องมั่นใจว่าศักยภาพของโรงพยาบาลที่มีอยู่รองรับผู้ป่วยที่เข้ารักษาได้ การตรวจคัดกรองคนที่มีอาการหรือเป็นกลุ่มเสี่ยงทำได้อย่างครอบคลุม ตกหล่นได้เพียงเล็กน้อย เงื่อนไขสุดท้ายคือมีระบบติดตามผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัสเชื้อที่มีประสิทธิภาพ เห็นเงื่อนไขแล้วก็รู้ว่าไม่ง่ายเลย อย่างไรก็ตาม การผ่อนปรนยังเกิดขึ้นได้ขึ้นกับสถานการณ์เป็นสำคัญ หากรัฐเห็นว่าปลอดภัยพอสมควรก็คงอนุโลมให้ผ่องถ่ายไก่ออกไปได้ โดยผ่อนปรนไปทีละส่วน เปิดโรงเรียน เปิดมหาวิทยาลัย เปิดร้านค้า แต่ยังจำกัดการชุมนุมหรือการทำกิจกรรมไว้ จะอนุโลมเฉพาะกลุ่มเล็กๆเท่านั้น กระทั่งมั่นใจว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่เพิ่มอย่างหวือหวาขึ้นไปอีก จึงอนุญาตให้ขายแพะ ส่วนการขายวัวคงต้องรออีกระยะ

โรคระบาดโควิด-19 ครั้งนี้เปลี่ยนชีวิตของพวกเราไปแทบทั้งหมด แต่เชื่อเถอะหากสถานการณ์ผ่อนปรนจนถึงระดับขายวัวออกไปได้แล้ว พวกเราจะพบว่าประเทศไทยของเรา สังคมอลเวงของเราน่าอยู่ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะเป็นบ้านเมืองที่การจราจรติดขัด รถราคับคั่ง ถนนหนทางส่งเสียงอึกทึกก็เถอะ เป็นความไม่บันเทิงใจที่พวกเราคิดถึง จึงจำเป็นต้องหยุดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลงให้ได้ เมื่อต่อสู้จนสำเร็จต้องช่วยกันเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทำลายโลก หันกลับมาสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ได้ ไม่เช่นนั้นโรคระบาดใหม่จะเกิดขึ้นอีก แล้วเราก็ต้องเริ่มซื้อไก่ ซื้อแพะ ซื้อวัวกลับมาเลี้ยงกันอีกครั้ง คงไม่มีใครต้องการอย่างนั้น #drwinaidahlan#ดรวินัยดะห์ลัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *