พักหลังมีข้อมูลแชร์กันมาทางออนไลน์เรื่อง #ปัญหาของส้มโอ อยู่บ่อย ส้มโอ (Pomelo) ข้อดีคือมีวิตามินซีสูง ทั้งยังมีสารไฟโตนิวเทรียนท์หลายตัวในปริมาณมากอีกต่างหาก ประโยชน์ของส้มโอทางโภชนาการมีแน่นอน ทว่ามีคำเตือนแปลกๆออกมาว่า #อย่ากินส้มโอกับยาลดความดันโลหิตบ้าง กับ #อาหารทะเล บ้าง อ้างว่าสารไฟโตนิวเทียนท์ที่มีมากในส้มโออย่างเช่นวิตามินซีและคูมารินจะก่อปฏิกิริยาในร่างกายทำให้ดูดซึมยาเร็วเกินไปหรือ สร้างสารพิษประเภทอาร์เซนิกหรือสารหนูในเลือดมากเกินไป ข้อมูลที่แชร์กันมาบอกได้เลยว่าไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่ จำไว้อย่างเดียวว่าอาหารนั้นให้ประโยชน์เสมอทว่าหากกินมากเกินไปก็ก่อโทษได้ ไม่ว่าจะเป็นข้าว ธัญพืช ผักหรือผลไม้ เกลือ น้ำตาล กินมากเกินไปก็ไม่ดีกลับมาที่ส้มโอ หากกินมากเกินไปเหตุใดจึงเป็นปัญหา ในส้มโอมีสารไฟโตนิวเทรียนท์ตัวหนึ่งค่อนข้างสูงนั่นคือสาร #Furanocoumarins หรือ #Furocoumarins อย่างที่บอก บางครั้งเรียกสารนี้ว่า psoralens เป็นสารที่สามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์บางชนิดในตับได้ ผลที่ตามมาคือยาบางชนิดอย่างเช่นยาลดความดันโลหิตจะมีความเข้มข้นสูงขึ้นในเลือดจึงก่อฤทธิ์ได้มากขึ้น ใครที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงจึงให้ระวัง อย่างไรก็ตามเรื่องอย่างนี้ไม่เคยมีรายงานในผู้บริโภคส้มโอ เคยมีรายงานในส้มอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า #เกรปฟรุต (#Grapefruit) ที่มีสาร Furocoumarins สูงกว่าส้มโอมาก (Guo LQ et al 2007) อยากกินส้มโอก็อย่าให้มากจนเกินพอดี แม้จะยังไม่เคยมีรายงานปัญหาการกินส้มโอมากเกินไปในบ้านเราก็ตามปัญหาอีกอย่างหนึ่งของสาร Furocoumarins คือสารกลุ่มนี้หากสัมผัสกับรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตในแสงแดดสามารถเปลี่ยนสภาพเป็นสารเร่งให้เกิดมะเร็งผิวหนังง่ายขึ้น เคยมีรายงานการศึกษาในคนกว่าแสนคนที่เป็นคนผิวขาว หากกินส้มหรือส้มโอที่พบสาร Furocoumarins ปริมาณมากจะก่อความเสี่ยงต่อ #มะเร็งผิวหนัง มากขึ้น (Weiyi Sun et al 2020) ข้อแนะนำคือให้เลี่ยงการถูกแสงแดดในเวลาตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงสามโมงเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่มีรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตในแสงแดดสูง แนะให้ใช้ร่มหรือสวมเสื้อผ้าที่มิดชิดสักหน่อยในช่วงเวลานั้น หรือไม่ก็ใช้ครีมป้องกันรังสีหรือซันบล็อก ยังไม่มีรายงานวิจัยชิ้นไหนแนะนำให้เลิกกินส้มโอหรือส้มทั่วไปอย่างที่เสนอกันมาทางออนไลน์เลย (ภาพที่แชร์มาเป็นของ kob Nikhom ขออนุญาตแชร์เพื่อประโยชน์ทางวิชาการ ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้) #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน
