วิทย์ฮาลาล: การพัฒนาวัคซีนโค-วิด

วัคซีน (vaccine) ไม่ใช่ “ยา” แต่คือสิ่งแปลกปลอม (foreign body) ซึ่งเป็นเชื้อโรคที่ถูกทำให้อ่อนกำลังลงเพื่อทำหน้าที่กระตุ้นกลไกร่างกายให้สร้างภูมิต้านทาน (immune response) ที่จำเพาะเพื่อต่อต้านสิ่งแปลกปลอมชนิดนั้นๆรวมถึงสร้างกลไกจดจำ (memory) เพื่อพร้อมรับมือสิ่งแปลกปลอมชนิดนั้นๆในการรุกรานครั้งต่อๆไป “ยาตัวจริง” ที่ทำหน้าที่ต่อสู้ต้านทานโรคจากเชื้อโรคแต่ละชนิดคือ “ภูมิต้านทานโรค” ของร่างกายแต่ละคน การฉีดวัคซีนจึงเปรียบได้กับ “การซ้อมเสมือนจริง” เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเกิดศักยภาพในการสร้างยาตัวจริง สิ่งแปลกปลอมก่อโรคร้ายแรงรุกรานเข้ามาเมื่อไหร่ ร่างกายก็พร้อมรับมือด้วยการสร้างยาตัวจริงเพื่อไม่ให้เกิดความเพลี่ยงพล้ำกระทั่งติดโรคที่เสี่ยงต่อการพิกลพิการรวมถึงเสียชีวิต นี่คือวัคซีนรุ่นที่ 1วัคซีนที่พัฒนาขึ้นในยุคแรกใช้ตัวเชื้อโรคที่ทำให้อ่อนกำลังหรือทำให้ตายจนกระทั่งหมดฤทธิ์ผสมกับสารจำเป็นอื่นๆพัฒนาเป็นวัคซีน ยุคต่อๆมาเมื่อเข้าใจกลไกการก่อโรคของเชื้อแต่ละชนิด การพัฒนาวัคซีนไม่จำเป็นต้องใช้ตัวเชื้อทั้งหมด เพียงนำเอาพันธุกรรมบางส่วนเฉพาะส่วนที่ก่อโรคจริงนำไปพัฒนาเป็นวัคซีน ดังเช่น บางส่วนของดีเอ็นเอ (DNA) หรืออาร์เอ็นเอ (RNA) นำไปสอดใส่ในไวรัสบางชนิดที่ไม่ก่อโรคเพื่อให้ไวรัสชนิดนั้นๆเป็นตัวพาหรือที่เรียกว่า “เวคเตอร์” (Viral vector) นำเอาพันธุกรรมของไวรัสก่อโรคเข้าสู่ร่างกาย โดยนำเอาเวคเตอร์พร้อมพันธุกรรมส่วนที่ก่อโรคพัฒนาเป็นวัคซีน นี่คือวัคซีนรุ่นที่ 2 เทคโนโลยีพัฒนามากขึ้น แทนที่จะใช้ไวรัสไม่ก่อโรคเป็นเวคเตอร์พาพันธุกรรมของเชื้อเข้าสู่ร่างกาย สามารถนำเอาพันธุกรรมส่วนนั้นสร้างเป็นส่วนที่เรียกว่า mRNA ทำหน้าที่สร้างโปรตีนที่เป็นตัวกระตุ้นกลไกสร้างภูมิต้านทานต่อโรคโดยตรง นำเอา mRNA ไปพัฒนาเป็นวัคซีน นี่คือวัคซีนรุ่นที่ 3 นอกจากนี้แทนที่จะสร้างเป็น mRNA ให้กระตุ้นการสร้างโปรตีน อาจสร้างเป็นโปรตีนโดยตรงจากนั้นนำโปรตีนไปพัฒนาเป็นวัคซีน จะเรียกว่าวัคซีนรุ่นที่ 3-1 ก็ได้วัคซีนแต่ละรุ่นไม่ใช่ยาแต่ทำหน้าที่กระตุ้นร่างกายให้สร้างยาตัวจริง วัคซีนแต่ละชนิดกระตุ้นร่างกายด้วยอัตราเร็วที่ไม่เท่ากันแต่สุดท้ายสร้างภูมิต้านทานได้ไม่ต่างกัน ในทางทฤษฎีจึงไม่มีวัคซีนชนิดไหนดีกว่าชนิดไหน เนื่องจากยาตัวจริงไม่ใช่วัคซีนแต่เป็นร่างกายของเราแต่ละคน ดูจากภาพเห็นได้ว่าวัคซีนป้องกันโค-วิดในแต่ละรุ่นมีหลายชนิด ลองศึกษากันดู #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน, #การพัฒนาวัคซีน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *