วันนี้วันแม่

ประเทศไทยกำหนดวันที่ 12 สิงหาคมเป็นวันแม่เพื่อให้คนไทยได้รำลึกถึงพระคุณของแม่ผู้ให้กำเนิด หรือแม่ผู้เลี้ยงดู ผมขอใช้โอกาสนี้เขียนถึงคุณแม่ซึ่งเป็นทั้งผู้ให้กำเนิดและผู้เลี้ยงดูสักหน่อย คุณแม่ของผมชื่อ “ยุพา ดะห์ลัน” มีชื่ออาหรับว่า “ยาหะระฮฺ” ท่านเกิด พ.ศ.2460 ในครอบครัวไทยเชื้อสายอินโดนีเซีย-จีน ที่บ้านในชุมชนมัสยิดยะวา เขตสาทร ของกรุงเทพฯ บิดาของท่านเป็นอิหม่าม คนในชุมชนนี้ส่วนใหญ่มีเชื้อสายชวาหรือยะหวาอพยพมาจากเมืองเกนดาล (Kendal) เกาะชวา ขณะที่บรรพบุรุษของคุณแม่มาจากเมืองเรมบัง (Rembang) ชวากลางเช่นกันใน พ.ศ.2473 คุณพ่อของผม “เอร์ฟาน ดะห์ลัน” หลังจบการศึกษาจากละฮอร์ในอินเดีย (ปัจจุบันคือปากีสถาน) ท่านจาริกมายังปัตตานีเพื่อสอนศาสนา ก่อนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ท่านพบกับคุณแม่ซึ่งเป็นธิดาคนเดียวของอิหม่าม ทั้งสองนิกะห์ (สมรส) กันใน พ.ศ.2475 เวลานั้นคุณแม่มีอายุ 15 ปีอ่อนกว่าคุณพ่อ 10 ปี ทั้งสองมีบุตรธิดาร่วมกันถึง 14 คน มีผมเป็นคนที่ 9 พี่ 4 คนของผมเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก ยุคนั้นอัตราการเสียชีวิตในทารกค่อนข้างสูง ผู้รอดชีวิตในครอบครัวมี 10 คน เติบโตใช้ชีวิตกันมาจนปัจจุบัน เป็นชาย 7 คน หญิง 3 คนคุณพ่อเป็นคนต่างด้าว จบการศึกษาอิสลามแนวทางใหม่ ขณะที่ครอบครัวคุณแม่เป็นแนวเก่า แนวปฏิบัติในครอบครัวจึงตามคุณแม่ซึ่งเคร่งครัด ชอบทำบุญ เป็นคนจิตใจดี ช่วยเหลือผู้อื่นตลอดเวลา ความที่ชอบทำงานการกุศล ท่านจึงร่วมงานกับสมาคมสตรีไทยมุสลิมแห่งประเทศไทย ช่วงหนึ่งท่านอุปการะหญิงตาบอด 1 คน เด็กกำพร้าสามคน อีกทั้งบ่อยครั้งยังจัดงานเลี้ยงเด็กกำพร้า ทำเอาที่บ้านกลายสภาพเป็นคล้ายโรงเลี้ยงเด็ก ก่อนคุณพ่อเสียชีวิต ทั้งพี่สาวคนโต และพี่ชายคนรองต้องออกจากโรงเรียนเพื่อช่วยเลี้ยงดูครอบครัวที่มีภาระมาก เมื่อคุณพ่อเสียชีวิตใน พ.ศ.2510 ภาระด้านการเรียนการใช้ชีวิตทั้งหมดตกมายังคุณแม่ เป็นผลให้ท่านทำงานหนักมากขึ้นจากที่หนักมาก่อนแล้ว ต้องขายอาหารทั้งที่บ้านและที่โรงเรียนของสมาคมสตรีไทยมุสลิมซึ่งท่านเป็นกรรมการอยู่ เลี้ยงดูพวกผมกระทั่งจบมหาวิทยาลัย ท่านใช้ชีวิตเป็นหญิงหม้ายนานถึง 25 ปี ก่อนจากพวกเราไปใน พ.ศ.2535 สิริรวมอายุได้ 75 ปีวันนี้ครอบครัวดะห์ลันร่วมกันจัดตั้งมูลนิธิมุฮัมมะดียะฮฺที่คลอง 15 นครนายก เพื่อทำงานการกุศลด้านการศึกษา จัดทำอาคารชื่อ “อาคารเอร์ฟาน-ยุพา ดะห์ลัน” เพื่อรำลึกถึงผู้มีพระคุณทั้งสองท่านผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูอีกทั้งร่วมกันวางรากฐานการศึกษาและการใช้ชีวิตให้กับพวกเรา บุญคุณทั้งสองท่านมีล้นเหลือ มองย้อนเวลากลับไป บ่อยครั้งผมนึกไม่ออกเลยว่าเมื่อคุณพ่อจากไปแล้ว คุณแม่เลี้ยงดูพวกเรากระทั่งประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างไร #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน, #รำลึกถึงพระคุณแม่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *