รัฐบาลกับร้านค้าต้องร่วมมือกันขนสินค้าออกมาวางให้เต็มห้าง

การระบาดของโควิด-19 ประเทศไทยแม้ยังอยู่ในระยะที่ 2 ตอนปลาย หากดูจากตัวเลขการเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทยที่ก้าวกระโดดขึ้นในสองสามวันที่ผ่านมา บ่งบอกได้ว่าเชื้อจากผู้ไม่แสดงอาการหรือตรวจไม่พบหรือไม่ได้ตรวจเริ่มแพร่กระจายออกมาแล้ว ช่วงเวลานี้หากควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่ ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ระยะที่ 3 เต็มขั้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ในระยะที่ 3 หากตั้งสติกันได้ทั้งภาครัฐและภาคประชาชน การระบาดจะไม่รวดเร็วรุนแรงจนควบคุมไม่อยู่ สำคัญคือต้องคอยควบคุมประชาชนอย่าให้ตื่นตระหนกกระทั่งพาประเทศเข้าสู่ภาวะเขื่อนแตกหรือเรือล่ม จำเป็นต้องทำให้ได้อย่างนั้น

ผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศไทยวันนี้ยังใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าจะแตะระดับพันคน สาธารณสุขของเรายังรับมือกันไหว ทว่าวันนี้ภาคประชาชนเริ่มออกอาการตื่นตระหนก #แห่กักตุนสินค้ากันยกใหญ่ หลายห้างไม่มีสินค้าจำเป็น ไข่มีเท่าไหร่ก็หมด บะหมี่ซองขาดแคลน ปลากระป๋องหมดจากชั้นวางอาหาร ไม่ต้องพูดถึงหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ น้ำยาฆ่าเชื้อ หาซื้อไม่ได้มาเนิ่นนานแล้ว สินค้าหายเข้าตลาดมืดด้วยราคาที่พุ่งสูงลิ่ว แถมด้วยปัญหาสินค้าคุณภาพต่ำอีกต่างหาก เรื่องเหล่านี้หากไม่แก้ไข ความตื่นตระหนกนั่นเองที่ทำให้เขื่อนแตก เรือล่ม จะได้เห็นกันล่ะว่าแม้ผู้ป่วยยังไม่แตะระดับพันคน ก็สามารถทำให้สังคมปั่นป่วนเป็นอัมพาตได้

วิกฤติครั้งนี้ทำให้ผมคิดถึงพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ กับคุณชาตรี โสภณพนิช ใน พ.ศ.2527 ครั้งนั้นประชาชนแตกตื่นกับข่าวธนาคารกรุงเทพจะล้ม คนแห่ถอนเงินกระทั่งธนาคารแทบไปไม่เป็น นายกรัฐมนตรีคือพลเอกเปรมกับคุณชาตรี โสภณพนิช ซีอีโอของธนาคารในวันนั้นช่วยกันออกมาสยบข่าวลือ แต่การสยบด้วยคำพูดแม้จากผู้นำยังไม่มีน้ำหนักเท่ากับการสยบด้วยการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน หากหนึ่งธนาคารล้ม โดมิโนการล้มของธนาคารจะเกิด ประเทศไทยจะพัง รอยรั่วที่ธนาคารกรุงเทพจึงต้องรีบอุด ด้วยความช่วยเหลือของรัฐบาล ธนาคารเข็นเงินสดนับร้อยล้านบาทออกมาวางกันกองพะเนินให้ลูกค้าได้เห็น ให้ลูกค้าอุ่นใจว่าจะถอนเงินมากแค่ไหน ธนาคารก็มีให้ถอน พลเอกเปรมกับคุณชาตรีไปปรากฏตัวที่ธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ เมื่อประชาชนเชื่อมั่นแล้วความตื่นตระหนกก็จบ

กรณี #โควิด-19 การขาดแคลนสารพัดสินค้าที่เป็นอยู่กำลังสร้างกระแสโดมิโนในสังคม เป็นปัญหาของไวรัลมากกว่าไวรัส รัฐบาลต้องใช้ยาแรงเรียกผู้ประกอบการสินค้าที่เป็นปัญหาออกมากำชับเรื่องการกักตุน กำหนดโทษรุนแรง เร่งนำเอาสินค้าออกมาวางกองให้ประชาชนได้จับจ่าย อย่าทำแบบหน้ากากอนามัยที่ถึงขนาดฟันคนระดับอธิบดี แต่วันนี้ยังหาหน้ากากอนามัยไม่ได้ คนจะยิ่งแห่กักตุนหากรู้สึกว่าสินค้าขาดตลาด จึงต้องทำให้มั่นใจว่าไข่ บะหมี่ซอง ปลากระป๋อง หน้ากากอนามัย น้ำยาฆ่าเชื้อ และอีกสารพัดไม่มีวันขาดตลาด ทำให้ประชาชนได้เห็นไม่ใช่แค่ได้ฟัง ทำเหมือนที่พลเอกเปรมกับคุณชาตรีทำใน พ.ศ.2527 นั่นแหละ #drwinaidahlan#ดรวินัยดะห์ลัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *