คนจำนวนไม่น้อยอยากลดน้ำหนักตัว อดอาหารก็แล้ว ออกกำลังกายก็แล้ว แต่ลดน้ำหนักไม่สำเร็จ ตรวจสอบจากโปรแกรมการอดอาหารควบคู่การออกกำลังกาย พบว่าทำได้ตามที่ต้องการบ้าง ทำไม่ได้บ้าง ผลการศึกษาของทีมมหาวิทยาลัยพิตต์เบิร์ก สหรัฐอเมริกา จากภาควิชาสาธารณสุขและการพัฒนามนุษย์นำทีมโดยรองศาสตราจารย์ ดร.คริสโตเฟอร์ ไคลน์ (Christopher E. Kline) นำเสนอในงานประชุมวิชาการ the American Heart Association’s Epidemiology, Prevention, Lifestyle & Cardiometabolic Health Scientific Sessions ต้นเดือนมีนาคม 2023 พบว่าปัญหาความไม่สำเร็จมาจากการนอนหลับนั่นเอง หากทำคะแนนการนอนได้ต่ำ หลับบ้างไม่หลับบ้าง โอกาสล้มเหลวกับการอดอาหารและการออกกำลังกายก็สูง สรุปออกมาอย่างนั้นการนอนหลับในทางวิชาการทางการแพทย์แนะนำให้หนึ่งคืนไม่น้อยกว่าหกชั่วโมง ที่ดีคือ 7-9 ชั่วโมง โดยตื่นตามเวลา ตื่นด้วยความสดชื่นหากทำได้อย่างนี้การออกกำลังกายและการอดอาหารให้ได้ผลก็ไม่ใช่เรื่องยาก ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยพิตต์เบิร์กบอกเพิ่มเติมด้วยว่าสุขภาพการนอนที่ดีสัมพันธ์กับการลดน้ำหนักตัวและลดไขมันส่วนเกินในร่างกายตามโปรแกรมลดน้ำหนักตัวที่ใช้ปฏิบัติกันอยู่ เพื่อยืนยันในเรื่องนี้ทางทีมวิจัยใช้อาสาสมัครที่มีน้ำหนักเกินโดยมีค่าดัชนีมวลกาย 27-44 ไม่มีปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ จำนวน 125 คน อายุเฉลี่ย 50 ปี 91% เป็นหญิง 81% เป็นคนผิวขาว มาทำการศึกษา โดยให้เข้าโปรแกรมลดน้ำหนักพร้อมกับการออกกำลังกายนาน 12 เดือน ทำการวัดและวิเคราะห์ภาวการณ์นอนช่วงก่อนการทดลอง 6 เดือนและ 12 เดือนผลการศึกษาพบว่าอาสาสมัครที่มีปัญหาการนอนหลับสนิทมีแนวโน้มที่จะปฏิบัติตามโปรแกรมลดน้ำหนักตัวคืออดอาหารและออกกำลังกายได้น้อยกว่าผู้ที่มีคะแนนการนอนหลับสูงกว่า การนอนหลับสนิทช่วยให้อดอาหารได้ดีกว่า ออกกำลังกายได้มากกว่า หรือทำได้ตามที่โปรแกรมการลดน้ำหนักตัวกำหนด ขณะที่ผู้ที่มีปัญหาด้านการนอนหลับมักปฏิบัติตามโปรแกรมได้ไม่ดีนัก เป็นผลให้ลดน้ำหนักตัวได้น้อยกว่า แม้การวิจัยไม่ให้ตัวเลขความแตกต่างที่มีนัยสำคัญ ทว่าสรุปออกมาได้ในทิศทางนั้น ข้อแนะนำจึงเป็นว่าใครอยากลดน้ำหนักตัวด้วยโปรแกรมการลดอาหารและการออกกำลังกายควรดูแลสุขภาพการนอนหลับพร้อมกันไปด้วย ว่ากันง่ายๆอย่างนั้น #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน, #การนอนหลับกับการลดน้ำหนักตัว
