คุณกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารจังหวัดตรัง (อบจ.ตรัง) 5 สมัย กับมัสยิดกลางจังหวัดตรัง

ศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2562 ช่วงเช้าผมและทีมงานจากศูนย์วิทยาศาสตรฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) เข้าเยี่ยมสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดตรัง (ส.กอจ.ตรัง) ช่วงบ่ายมีเวลาอยู่บ้างก่อนบินกลับกรุงเทพฯผ่านทางสนามบินดอนเมือง พวกเราแวะเข้าไปเที่ยวกันในเมืองตรังซึ่งเป็นเมืองที่ถือว่ามีภูมิทัศน์สวยที่สุดเมืองหนึ่งในประเทศไทย

อาจารย์นิฟาริด ระเด่นอาหมัด ถามผมว่ามาถึงตรังอยากไปไหนมากที่สุด ผมตอบตรงๆว่าอยากไปเยี่ยมบ้านแม่ถ้วนซึ่งเป็นมารดาของท่านอดีตนายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย แม่ถ้วนท่านจากไปนานหลายปีแล้ว แต่กิตติศัพท์ความร่มรื่นของบ้านท่านทำให้อยากไปเห็น ผมเคยผ่านไปหนหนึ่งแต่ไม่มีโอกาสได้แวะ ครั้งนี้จึงขอแวะสักครั้ง อยากเข้าไปดูบ้านท่านเพราะสถานที่แห่งนี้คือประวัติศาสตร์ ปะเหมาะเคราะห์ดีอาจเจอท่านอดีตนายกชวน ผมบอกอาจารย์นิฟาริดอย่างนั้น

ง่ายที่สุดในการเดินทางไปบ้านแม่ถ้วนคือใช้ GPS หาในกูเกิ้ลก็เจอพิกัดแล้ว ใช้เวลาเดี๋ยวเดียวเราก็เดินทางมาถึงบ้านแม่ถ้วน พื้นที่ขนาดสี่ไร่ หนาแน่นด้วยต้นไม้ใหญ่และไม้เล็กเป็นสวนป่าดีๆนี่เอง บ้านแม่ถ้วนอยู่ริมถนนวิเศษกุล กลางเมืองตรัง กล่าวกันว่าเป็นบ้านที่ไม่เคยหลับใหลเนื่องจากเปิดประตูทิ้งไว้ตลอดเวลา มีผู้คนเข้าเยี่ยมไม่เคยขาด ขณะที่เราเลี้ยวรถเข้าไปมีรถที่เพิ่งเข้าเยี่ยมแล่นสวนออกมา หาที่จอดได้แล้วปรากฏว่ามีรถแวนคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดหน้าประตูบ้านเล็กซึ่งเป็นบ้านแม่ถ้วน บุคคลที่ออกมาจากรถพร้อมผู้ติดตามอีกสองคน ปรากฏว่าเป็นคุณกิจ หลีกภัย นายกอบจ.ตรัง 5 สมัย ซึ่งผมตั้งใจว่าจะมาเยี่ยมคารวะท่านสักหน ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอท่านวันนี้

อาจารย์นิฟาริด ระเด่นอาหมัด เดินเข้าไปทักทายท่าน ผมเดินตามเข้าไปพร้อมกับแจ้งท่านว่าผมเป็นใครมาจากไหน มีโอกาสไปเยี่ยมชมมัสยิดกลางจังหวัดตรัง ทราบว่าท่านกรุณาจัดสร้างให้ จึงอยากมาแสดงเคารพท่านสักหน เพียงอยากทราบเท่านั้นว่าเหตุใดท่านจึงสร้างมัสยิดใหญ่โตให้พี่น้องมุสลิม ท่านตอบผมง่ายๆว่าป๋า (พ่อ) ของท่านเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่สนิทสนมกับมุสลิมเคยปรารภว่าอยากสร้างมัสยิดให้มุสลิมในจังหวัดสักหลัง ท่านนายกกิจเห็นว่าเวลานั้นท่านมีโอกาสสานเจตนาของป๋าท่านจึงคิดเรื่องการสร้างมัสยิดกลางจังหวัดตรัง แม้จะมีคนเตือนว่าต้องระวังเนื่องจากมุสลิมชอบสร้างมัสยิดเอง จึงมักไม่ไว้ใจหากจะมีผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมคิดจะสร้างให้

ท่านนายกกิจดำริเรื่องสร้างมัสยิดกลางอยู่หลายปี ปรึกษาประธานอิสลามประจำจังหวัดคือหะยีโหนด ตู้ดำ กระทั่งใน พ.ศ.2547 จึงเริ่มด้วยการเชิญกรรมการมัสยิดทั้ง 121 แห่ง (เวลานั้น) จำนวน 800 คนประชุมร่วมกันเพื่อให้ชุมชนมุสลิมเข้าใจเจตนาของทาง อบจ. จากนั้นจึงจัดหาที่ดินจากราชพัสดุและซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่งกระทั่งได้ที่ดินเกือบ 50 ไร่ ทางอบจ.สร้างสำนักงานชั่วคราวให้กับ กอจ.ตรัง จัดหาสถาปนิกมาออกแบบ ทราบว่าเรื่องการกำหนดจุดกิบลัตเป็นเรื่องสำคัญจึงประสานผู้รู้กระทั่งได้พลเรือตรีนคร ทนุวงศ์ (ยศขณะนั้น) เป็นผู้มากำหนดจุดกิบลัตให้เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.2551

ถึงปลาย พ.ศ.2553 อาคารมัสยิดดำเนินการก้าวหน้าไปมากแล้ว จำเป็นต้องยกโดมใหญ่ขึ้นประดับบนหลังคามัสยิด มีผู้แนะนำว่าควรเป็นมุสลิมที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ท่านนายกกิจจึงเรียนเชิญ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนเวลานั้นมาเป็นประธาน งานยกโดมจึงกำหนดขึ้นในเดือนมกราคม 2554 มีอดีตนายกชวนร่วมเป็นเกียรติด้วย จากการประชุมมุสลิมจังหวัดตรังว่าต้องการทาสีอาคารมัสยิดเป็นสีอะไร เสียงส่วนใหญ่ขอเป็นสีม่วงซึ่งเป็นสีของดอกสีตรัง ดอกไม้ประจำจังหวัดตรัง

ท่านนายกกิจเล่าต่อว่าปลายปีนี้ (2562) จะมีการยกดาวเดือนขึ้นประดับโดมซึ่งเป็นงานใหญ่ครั้งสุดท้ายในข่วงพิธีเปิดมัสยิด ท่านอยากเรียนเชิญท่านจุฬาราชมนตรีมาเป็นประธาน ดูท่านเบิกบานมากเมื่อได้เล่าถึงความสำเร็จของการสร้างมัสยิดกลางประจำจังหวัดตรัง การที่ท่านดำรงตำแหน่งยาวนานต่อเนื่องกันมีส่วนอย่างมากต่อความสำเร็จของงานนี้

นอกเหนือจากมัสยิดกลาง ท่านนายกกิจยังเล่าถึงความประสงค์ที่จะจัดสร้างวนพุทธอุทยานสำหรับการเป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธ เตรียมพื้นที่ไว้ 50 ไร่กลางเมืองตรัง แต่อาจต้องหาพื้นที่ใหม่เนื่องจากเกิดปัญหาความไม่เหมาะสมกับพื้นที่ที่เตรียมไว้ อีกเรื่องหนึ่งที่ท่านเล่าให้ฟังคือการสร้างท่าเรือที่กันตัง สำเร็จเรียบร้อยแล้ว ฝันด้วยว่าจะเป็นท่าเรือทดแทนท่าเรือที่ระนองและปากบาราที่สตูลซึ่งเป็นปัญหาทั้งสองแห่ง

อายุท่านนายกกิจเกิน 80 ปีแล้วทว่ายังกระฉับกระเฉงเหมือนน้องชายของท่านคือท่านอดีตนายกชวน หลีกภัย แต่ก่อนผมเคยห่วงเรื่องการเป็นสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย แต่ได้เห็นท่านนายกกิจและอดีตนายกชวนแล้ว สีมผัสความคิดความอ่าน เห็นความกระตือรือร้นของทั้งสองท่านในวัยแปดสิบปี บอกตามตรงว่าผมเลิกห่วง จะห่วงก็ตัวเองเท่านั้นว่าในวัยแปดสิบปีของผมจะแข็งแรงเทียบเท่าทั้งสองท่านได้ไหม