ประการที่สองคือแอสปาร์เทมกระตุ้นสมองให้เกิดอาการโหยน้ำตาลมากขึ้น บริโภคแอสปาร์เทมมากเข้าสุดท้ายต้องวนกลับไปหาน้ำตาลแท้บริโภคอีก กินน้ำตาลเทียมแล้วแทนที่จะลดอ้วน กลับอ้วนเพิ่มขึ้นเพราะน้ำตาลเทียมทำให้เกิดอาการโหยน้ำตาลแท้ เรื่องนี้มีงานวิจัยสนับสนุนมากขึ้นทำให้เกิดการไม่ยอมรับแอสปาร์เทมกระทั่งลุกลามไปถึงน้ำตาลเทียมตัวอื่น ประการที่สามคือการจดทะเบียนแอสปาร์เทมที่ว่าปลอดภัยในสหรัฐเกิดขึ้นก่อนการยืนยันว่าปลอดภัย เป็นผลให้นักวิชาการบางกลุ่มไม่ยอมรับแอสปาร์เทมทำให้เอฟดีเอสหรัฐพลอยหม่นหมองตามไปด้วย
ประการที่สี่พบว่าในกระบวนการผลิตแอสปาร์เทมมีการใช้แบคทีเรียกลุ่มที่มีการตัดแต่งพันธุกรรมซึ่งไม่แน่ชัดว่าปลอดภัยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้กล่าวถึงกันค่อนข้างน้อย ประการที่ห้าองค์ประกอบอีกตัวหนึ่งของแอสปาร์เทมคือกรดแอสปาร์ติก หากร่างกายได้รับกรดตัวนี้มากเกินไป มันสามารถผ่านเข้าสู่สมองได้ง่าย อาจก่อความเสียหายต่อเซลล์สมอง บรรดาสารพัดคำถามเรื่องแอสปาร์เทมนี่เองทำให้ยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องดื่มอย่างเป็บซี่โคล่ามีแผนจะเปลี่ยนการใช้แอสปาร์เทมไปเป็นสารผสมระหว่างซูคราโลสกับเซซัลเฟม โปตัสเซียมแทน สารตัวหลังนี้ปลอดภัยหรือไม่ยังไม่มีผู้ใดตอบได้เพราะแม้จะได้รับการรับรองจากเอฟดีเอสหรัฐแล้ว แต่อย่างที่บอกคือนักวิชาการบางกลุ่มเริ่มมีคำถามกับเอฟดีเอ
กังวลเรื่องน้ำตาลเทียมกันมากนักอยากจะหันกลับไปหาน้ำตาลแท้ก็เหมือนหนีเสือมาปะจระเข้ คิดจะหวนกลับไปหาเสืออีกครั้งย่อมไม่เหมาะ ดีที่สุดคือหนีทั้งเสือทั้งจระเข้ ด้วยการหาทางเลิกหรือลดการกินหวานไปเลย วิธีการนี้ฟังดูง่ายแต่ทำยากหากมีความมุ่งมั่นมากพอมีเพียงอย่างเดียวคือต้องเอาชนะใจตนเองให้ได้เท่านั้น