เช้าวันนี้วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2563 ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) ได้รับเลือกให้นำเสนองานวิจัยบริการเพื่อรับรางวัล “นวัตกรรมการบริการภาครัฐ” ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) ศวฮ. เป็นหน่วยงานในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่เคยคว้ารางวัลนี้เมื่อ พ.ศ.2556 มาแล้วจากผลงาน “การมาตรฐานฮาลาล HAL-Q” ปีนี้จะเป็นอีกครั้งที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเข้าใกล้รางวัลนี้มากที่สุดโดย ศวฮ.กับผลงาน “การพัฒนาฐานข้อมูล H Numbers เพื่ออุตสาหกรรมอาหารฮาลาลแห่งอนาคต” ทำให้พวกเราเดินเข้ามาจนถึงจุดนี้ อัลฮัมดุลิลลาฮฺH Numbers หมายถึงเลขรหัสสารเคมีฮาลาล เหมือน E numbers ความสำเร็จของ H numbers แสดงถึงการเข้ามาอย่างเต็มรูปแบบของ Trust Economy เศรษฐศาสตร์แห่งความไว้วางใจ หรือไว้เนื้อเชื่อใจ เป็นเพราะไว้ใจนี่เองที่ทำให้กระดาษอย่างเงินบาทแข็งค่ามาตลอด เพราะไม่ไว้ใจ ค่าเงินหลายประเทศจึงแทบไม่มีราคาศวฮ. ใช้เวลานับสิบปีสร้าง Trust แสดงผลงานที่ทำให้รัฐบาลและองค์กรภายนอกไว้วางใจ มอบงานให้ ศวฮ. ดูแล ได้ทำกิจกรรมมากมาย กระทั่งขยายพื้นที่ ขยายสาขา ขยายงาน ขยายกำลังพล เติบโตเช่นที่เห็น ภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ของประเทศทำให้ ศวฮ. จำเป็นต้องลดขนาดกิจกรรมลง ทว่า ศวฮ.ต้องเพิ่มความไว้วางใจ เพื่อให้ยังคงเข้มแข็งในภาวะเศรษฐกิจทรุดเช่นที่เป็นอยู่ ศวฮ.ต้องร่วมกันสร้าง Trust เพื่อดำรงความไว้วางใจ สาหัสแค่ไหนก็ต้องสู้ทนความสำเร็จของคนหรือองค์กรมิใช่ต้องเดินหน้าไปตลอด จึงจำเป็นต้องพร้อมรับมือกับความล้มเหลวตลอดเวลา เพื่อเข้มแข็งมากขึ้นสำหรับความสำเร็จครั้งต่อไป ผมสอนทีมงานอย่างนั้น และในปีนี้เรากำลังเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจที่เป็นจริง ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2563 ศวฮ.เผชิญกับสภาพไร้งบประมาณ เราไม่มีเงินเข้ามาหล่อเลี้ยงสำนักงานทั้งสี่แห่ง 2 แห่งในกรุงเทพฯ กับที่ปัตตานีและเชียงใหม่ ทว่าพวกเรากลับกล้าท้าทายโดยทำงานหนักขึ้น และวันนี้เรากำลังเงยหน้าท้าสู้โลกใหม่ที่โหดร้ายกว่าเดิม ด้วยความกล้าของพวกเราที่มีมากขึ้นงานนำเสนอในวันนี้เป็นเรื่องของ Trust Economy แท้ๆ เรื่องนี้ใช่ว่าจะเพิ่งได้เห็น แต่คุ้นชินมานานกว่า 40 ปีแล้ว เมื่อครั้งเรียนอยู่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีอยู่วันหนึ่ง มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมช รัฐบุรุษท่านหนึ่งของเมืองไทยในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของประเทศ มาบรรยายที่หอประชุมใหญ่ จุฬาฯ ผมในวันนั้นเรียนอยู่ชั้นปีที่สามเข้าไปนั่งฟังบรรยายอยู่ด้วย ท่านยกตัวอย่างเรื่องหนึ่งซึ่งจำได้ไม่เคยลืม ท่านเล่าว่าท่านมีรถอเมริกันบูอิกคันใหญ่อยู่คันหนึ่งนานครั้งจึงนำออกมาใช้ วันหนึ่งท่านไปทำธุรกรรมที่ธนาคารใหญ่จึงนำรถบูอิกออกมา คนขับรถถามท่านว่าทำไมวันนี้ต้องใช้รถบูอิก ท่านตอบว่าเพื่อให้นายธนาคารใหญ่ไว้วางใจ ท่านว่าความไว้วางใจนั้นราคาแพง ต้องค่อยๆบรรจงสร้าง ฉุกละหุกมากนักอย่างเช่นในวันนั้น สร้างไม่ทันจึงต้องใช้เครื่องทุ่นแรงบ้าง คำพูดของ มรว.คึกฤทธิ์ ทำให้ผมรู้จักเศรษฐศาสตร์แห่งความไว้วางใจ (Trust Economy) นับแต่นั้น แต่ไม่เคยเข้าใจความหมายมากมายนัก จนกระทั่งเกิดโรคโควิด-19 ระบาดนี่แหละ จึงได้ตระหนักถึงความสำคัญของคำว่า “ความไว้วางใจ” หรือ Trust หากไม่มีสิ่งนี้ ธุรกิจออนไลน์ทั้งหลาย การสั่งอาหารเดลิเวอรีสารพัด และอีกในหลายสิ่งในยุคดิจิตอลเกิดขึ้นไม่ได้ Trust Economy เกิดขึ้นมานานมากแล้วและค่อยๆโต เจ้าโรคโควิด-19 ที่เข้ามาระบาดจึงคล้ายเป็นตัวเร่งที่ทำให้ Trust Economy เติบโตเร็วขึ้น หากฐานไม่ดี การเติบโตย่อมไม่จิรัง ระเบิดเอาได้ง่ายๆ ประเทศไทยเคยระเบิดมาแล้วตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง งานที่นำเสนอในวันนี้คือเรื่องของ Trust Economy แท้ๆ โลกดิจิตอลทำให้ Trust Economy โตขึ้น การเข้ามาของโควิด-19 คล้ายเร่งให้ Trust Economy โตเร็วขึ้น เร็วมากน้อยต้องอาศัยหลายปัจจัยภายใน คำถามคือ ศวฮ. กับนวัตกรรมต่างๆที่มีอยู่จะเข้าไปช่วยเร่งการเติบโตนี้ได้อย่างไร เรื่องนี้ท้าทายมาก นวัตกรรมที่ ศวฮ.พัฒนาขึ้นอย่าง HAL-Q, HAL+, H Numbers, Halal Route, Thailand Halal Assembly, Halal Blockchain เป็น innovation ของเรา จะเข้าไปช่วยเร่งการเติบโตนี้ได้อย่างไร วันนี้พวกเราชาว ศวฮ.ต้องช่วยกันแสดงให้สังคมไทยได้เห็น ช่วยเอาใจช่วยกันหน่อย