ทุกครั้งที่ไปอินโดนีเซีย ญาติพี่น้องที่ทราบข่าวการมาของผมจะนัดหมายมารวมกันเพื่อพบผมในที่ใดที่หนึ่ง อาจเป็นบ้านใครคนใดคนหนึ่ง หรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง หรือร้านอาหาร ทุกคนมารวมกัน พูดคุยกัน ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบกัน เอาของขวัญมาให้กัน เจอหน้าก็กอดและหอมแก้มกัน ครอบครัวผมที่เมืองไทยเจอะเจอกันเองก็ทำแบบเดียวกันนี้ ถือเป็นวัฒนธรรม ในภาษาอินโดนีเซียใช้คำว่า “สิลาฮฺตุรเราะฮฺมี” (silahturahmi) คำๆนี้ไม่เคยพบที่อื่น ในมาเลเซียแต่ก่อนไม่เคยเห็น พักหลังๆเริ่มมีคำนี้ปรากฏบ่อย สิลาฮฺตุรเราะฮฺมี บางครั้งเรียกว่า “สิลาฮฺตุรเราะฮิม” คล้ายภาษาอาหรับ มีความหมายในวัฒนธรรมชวาหรืออินโดนีเซียว่าความเป็นสายเลือดเดียวกัน ญาติมิตรกัน ใกล้ชิดกัน หรืออาจหมายถึงมิตรภาพก็ได้ ความหมายของคำนี้นักวิชาการบางคนบอกว่ามีรากมาจากอัลกุรอาน บทอัลอัมฟาล 8:75 ในวรรคนี้มีคำว่า “อัรฮามี” บ้างอ่าน “อัรเราะฮฺมี” หมายถึงเครือญาติ โดยมีความหมายลึกซึ้งตามแบบภาษาอาหรับ ว่าหมายถึงกลุ่มคนที่เคยต่อสู้ร่วมกันมา ทุกข์สุขมาด้วยกัน กระทั่งคล้ายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเดียวกัน ในอินโดนีเซีย การได้มา สิลาฮฺตุรเราะฮฺมี จึงสำคัญเสมอ ไม่ปฏิบัติย่อมไม่เหมาะการไปอินโดนีเซีย แล้วไม่ไปสิลาฮฺตุรเราะฮฺมีกับเครือญาติ ถือเป็นการเสียมารยาท จำเป็นต้องแจ้งให้เครือญาติรับทราบ ไปยอกยาการ์ตาครั้งนี้ ผมรู้ว่าญาติพี่น้องที่โน่นชอบของฝากเล็กๆน้อยๆจากเมืองไทย ผมก็ต้องหิ้วไปฝาก ทุกครั้งเป็นห่อทุเรียนกรอบ ครั้งนี้เป็นชานมไทยแห้งแบบทรีอินวัน ผมหอบไป 14 ถุง เดาเอาว่าคงได้เจอ 14 คน โชคดีว่าเป็นไปตามนั้น ญาติมีอยู่ในหลายเมือง อีกกลุ่มหนึ่งอยู่ที่จาการ์ตา เมื่อไม่ได้ไปพบก็ต้องขอขมาลาโทษกัน ของฝากที่ญาติจากยอกยาการ์ตาให้ผมมา มีทั้งข้าวเกรียบเอมปิง (eping) ชาแห้งเวดังอูวู (wedang uwuh) ขนมห่อ ผ้าบาติกก็ยังมี คนอินโดนีเซียชอบฝากของ ไปอินโดนีเซียทุกครั้งจึงต้องแบกของฝากไปแยะๆ และต้องไม่ลืมที่จะไปสิลาฮฺตุรเราะฮฺมี ห้ามลืม #ดรวินัยดะห์ลัน, #drwinaidahlan, #silahturahmi