“#โลว์คาร์บ” (#Low carb) กับ “#โลว์แฟต” (#Low fat) คนยุคใหม่รู้จักกันดีอยู่แล้ว โลว์คาร์บหมายถึงอาหารที่มีองค์ประกอบของแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตต่ำ ตามปกติแนะนำให้กินอาหารให้ได้รับพลังงานจากแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตร้อยละ 50-60 ของจำนวนพลังงานที่ได้รับทั้งหมดต่อวัน หากได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตเพียงครึ่งเดียวอย่างเช่นร้อยละ 30 หรือต่ำกว่านั้น แสดงว่าอาหารที่ได้รับเป็นประเภทโลว์คาร์บ อาหารกลุ่มนี้ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำงานของอินสุลิน เมื่อได้รับคาร์โบไฮเดรตต่ำย่อมทำให้การหลั่งอินสุลินหลังอาหารลดลงด้วย การเปลี่ยนแป้งให้เป็นไขมันพอกพูนตามร่างกายก็ลดลง โลว์คาร์บจึงช่วยลดความอ้วนได้ดี รายงานวิจัยสรุปออกมาอย่างนั้นส่วน “โลว์แฟต” (Low fat) หมายถึงอาหารที่มีสัดส่วนของไขมันในอาหารต่ำ ปกติแนะนำให้ร่างกายรับพลังงานจากไขมันไม่เกินร้อยละ 30-35 หากได้รับต่ำกว่านั้นแสดงว่าเป็นอาหารโลว์แฟต เดิมทีอาหารกลุ่มนี้ได้รับความนิยมกันมากเนื่องจากเชื่อกันว่าช่วยลดความอ้วนหรือโรคอ้วนได้ จากความเข้าใจกันแต่เก่าก่อนว่าไขมันจากอาหารนี่เองที่เข้าไปพอกพูนในร่างกาย หากต้องการลดไขมันในร่างกายที่เป็นสาเหตุโรคอ้วนก็ต้องลดอาหารไขมัน เอาเข้าจริงปรากฏว่าอาหารกลุ่มที่สร้างปัญหาทำให้เกิดความอ้วนมากกว่ากลายเป็นคาร์โบไฮเดรต อาหารโลว์คาร์บจึงโด่งดังกว่าอาหารโลว์แฟต กลายเป็นซะอย่างนั้นนอกจากช่วยเรื่องลดอ้วนแล้วยังช่วยผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ด้วย คนเป็นเบาหวานหากลองกินอาหารโลว์คาร์บมีรายงานวิจัยพบว่าช่วยลดการใช้ยาได้ จากเดิมหนึ่งเม็ดสามารถลดลงเหลือครึ่งเม็ด สุดท้ายอาจไม่ต้องใช้ยาเลย ทั้งนี้โดยต้องคอยปรึกษาแพทย์เป็นระยะ มีงานการศึกษาวิจัยของ Hans Guldbrand, Fredrik Nystrom และ Margareta Bachrach-Lindström แห่งมหาวิทยาลัย Linköping University ประเทศสวีเดน ตีพิมพ์ในวารสาร Diabetologia ค.ศ. 2014 ลองเปรียบเทียบอาหารโลว์คาร์บกับอาหารโลว์แฟตในผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่สองที่แบ่งเป็นสองกลุ่มๆละ 30 คน ใช้เวลานานหนึ่งปี ได้ผลออกมาน่าสนใจอาหารทั้งสองกลุ่มไม่ว่าจะโลว์คาร์บหรือโลว์แฟตช่วยลดน้ำหนักตัวลงได้ แต่กลุ่มที่ได้รับอาหารโลว์คาร์บ พบว่าสภาวการณ์ทำหน้าที่ต่างๆของอวัยวะในร่างกายเป็นไปได้ดีกว่า น้ำตาลในเลือดลดลงมากกว่า อาการปวดเมื่อยต่างๆลดลงไปแยะ แถมสุขภาพสมองก็ยังปกติไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ยังช่วยให้เลิกติดอาหารหวานได้อีก ส่วนใครชอบอาหารโลว์แฟตแม้ช่วยได้น้อยกว่าโลว์คาร์บแต่ก็ยังช่วย สำคัญที่สุดคือการลดพลังงานโดยรวมลง ไม่ว่าจะเป็นโลว์คาร์บหรือโลว์แฟต หากร่วมกับการลดการบริโภคพลังงานโดยรวมลงย่อมดีที่สุด ว่ากันอย่างนั้น #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน
