รู้จักกลุ่ม “ดาวะฮ์” กันหน่อย ตอนที่ 2

ความสับสนอลหม่านด้านจิตวิญญาณของมุสลิมอินเดียภายใต้การเป็นอาณานิคมของอังกฤษ นอกเหนือจากปัญหาจากมิสชันนารีแล้ว มุสลิมในหลายพื้นที่เองก็เป็นปัญหา มีการผสมผสานกันระหว่างอิสลามกับฮินดูที่เป็นศาสนาดั้งเดิม ทั้งยังมีความเชื่อของนิกายซูฟีแทรกเข้ามาอีก ขณะที่มุสลิมบางส่วนเคลื่อนไหวทางการเมือง เมาลานาอิสมาอีล (Maulana Ismail) ครูสอนศาสนาอิสลามประจำมัสยิดบังลาวาลี (Banglawali) ทางตอนใต้ของกรุงเดลี ไม่ไกลจากวิหารซูฟีใหญ่นิซามุดดิน (Nizamuddin) มองปัญหาการนอกรีตของมุสลิมบางกลุ่มในอินเดียโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มชนเมียว (Meo) หรือเมวัต (Mewat) ที่อยู่ห่างออกไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 80 กิโลเมตรด้วยความเป็นห่วง การสู้ด้านจิตวิญญาณกับมิสชันนารีจำเป็นต้องนำอิสลามบริสุทธิ์มาใช้ บุตรชายคือเมาลานาอิลยาส (Muhammad Ilyas) คือหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญที่เข้าไปทำงานในชุมชนมุสลิมเมวัต หลังจากนั้น “ญะมาอะฮฺตับลีฆ” ที่มีความหมายว่ากลุ่มเผยแผ่อิสลามจึงได้ถือกำเนิดขึ้น ใน ค.ศ.1926

กลุ่ม #ญะมาอะฮฺตับลีฆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยนำแบบอย่างของท่านศาสนทูตนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.) มาเป็นวิถีการดำเนินชีวิต ยึดมั่นหลักหกประการ รวมทั้งยึดถือกฎข้อปฏิบัติและวินัยดังต่อไปนี้ หลักหกประการ ได้แก่ มั่นใจในคำปฏิญาณต ละหมาดที่มีสมาธิและนอบน้อม ความรู้และการรำลึกถึงอัลลอฮฺ ให้เกียรติและช่วยเหลือพี่น้องมุสลิม บริสุทธิ์ใจเสียสละในหนทางของอัลลอฮฺ ในส่วนของกฎข้อปฏิบัติและวินัย มีดังนี้ สี่ประการที่ควรกระทำให้มาก ได้แก่ การชี้ชวน การเรียนการสอน การซิกิรฺและอิบาดะฮฺ (ปฏิบัติศาสนกิจ) การบริการ สี่ประการที่ควรระวัง ได้แก่ ให้เชื่อฟังหัวหน้า มุ่งกิจกรรมส่วนรวมมากกว่าส่วนตน อดทน อดกลั้น ระวังเกียรติของมัสยิด

สี่ประการที่ควรลด ได้แก่ เวลาสำหรับรับประทานและดื่ม เวลานอน การพูดจาในเรื่องของโลก การออกจากมัสยิด สี่ประการที่ควรละเว้น ได้แก่ การหวังจากผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺ การขอจากผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺ การสุรุ่ยสุร่ายและเหลือเฟือ การใช้ของผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาต สี่ประการที่ห้ามเกี่ยวข้อง ได้แก่ เรื่องข้อขัดแย้งทางศาสนา เรื่องการเมืองในและต่างประเทศ เรื่องฐานะและตำแหน่ง เรื่องการขอบริจาคและการกระทำที่เสียเกียรติทางสังคม

การเริ่มต้นญะมาอะฮฺตับลีฆ หรือ #ดะอฺวะฮฺ ส่วนที่น่าสนใจอยู่ที่ชนเมวัตเอง ชนกลุ่มนี้เป็นนักรบมาแต่โบราณ กระด้างกระเดื่องต่อการปกครองของชนชาวเติร์ก มองโกล ปาทาน หรือแม้กระทั่งจักรวรรดิอังกฤษมาเป็นระยะ เมื่อเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลามแล้วยังมีพฤติกรรมเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เป็นกลุ่มชนที่ปกครองยาก นำอิสลามไปปะปนกับฮินดูกระทั่งแยกไม่ออก การทำงานหนักของเมาลานา #มุฮัมมัดอิลยาส ในที่สุดเห็นผลสัมฤทธิ์นั่นคือทำให้ชนเมวัตกลายเป็นกำลังหลักในการเผยแผ่อิสลามตามแนวทางญะมาอะฮฺตับลีฆได้สำเร็จ ผู้ปกครองอังกฤษไม่ใส่ใจเนื่องจากคนกลุ่มนี้ไม่สนใจอำนาจทางการเมือง สนใจการดำเนินงานทางด้านศาสนาอิสลามด้วยความสงบเพียงอย่างเดียว #drwinaidahlan#ดรวินัยดะห์ลัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *