นบีมุฮัมมัด (ศอลฯ) พลังละมุนแห่งอิสลาม ตอนที่ 29 นักสิทธิสตรีแห่งยุคกลาง

ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 6 เมื่อท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ถือกำเนิดขึ้นตรงกับยุคกลางของยุโรปซึ่งนักประวัติศาสตร์ด้านยุโรปศึกษาจำนวนไม่น้อยกำหนดให้เป็นยุคมืด (Dark age) เนื่องจากความถดถอยทางอารยธรรม สังคมยุคนั้น ความเป็นปิตาอธิปไตย (Patriarchy) มีอยู่สูง ซึ่งหมายถึงบิดาเป็นใหญ่ ทว่าความหมายที่แท้จริงคือฝ่ายชายเป็นใหญ่มิใช่เฉพาะในความเป็นบิดาเท่านั้นแต่ครอบคลุมถึงอำนาจทางสังคม การเมือง เศรษฐกิจ กฎหมาย โดยฝ่ายชายมีอำนาจในแทบทุกบทบาทรวมถึงการกำหนดพฤติกรรม วิธีคิด ของผู้คนในครอบครัวและสังคมด้วยโลกยุคนั้น ฝ่ายชายเป็นใหญ่ไม่เฉพาะยุโรปทว่าในแทบทุกสังคมในโลก ซึ่งรวมถึงตะวันออกกลางและอาระเบีย ในสังคมอาหรับทะเลทราย ผู้หญิงยุคนั้นมีสิทธิน้อยมาก ขาดสิทธิไม่เฉพาะการดำรงชีวิตทว่ารวมถึงสิทธิในการมีชีวิตด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทารกเพศหญิงจะถูกฝังทั้งเป็น (Girl infanticide) ในช่วงเวลาขาดแคลน ทารกหากเกิดมาเป็นหญิง ถูกตีค่าว่าคือภาระที่บิดาสามารถกำจัดทิ้งได้ เป็นธรรมเนียมที่เรียกในภาษาอาหรับว่า “วะอัดอินาซ” (وأد الإناث) ซึ่งอิสลามประณามสิ่งเหล่านี้ อัลกุรอาน อัลนะหฺลฺ 16:58-59 ระบุไว้ชัดเจนว่าการตัดสินใจของบิดาในการสังหารลูกสาวเช่นนั้นคือความชั่วอย่างแท้จริงคุณธรรมหนึ่งของท่านนบีตั้งแต่ก่อนการมาของอิสลามคือประสงค์จะยุติความอยุติธรรมต่อทารกเพศหญิงเหล่านั้น ซึ่งครอบคลุมถึงการสร้างสิทธิที่ชัดเจนสำหรับสตรีโดยทั่วไป หากเป็นสังคมยุคใหม่ ท่านนบีย่อมถูกเรียกว่าเป็นนักสิทธิสตรี (Feminist) ซึ่งท่านนบีเป็นเช่นนั้นจริงๆ คำสอนของอิสลามที่ว่าชายและหญิงเท่าเทียมกันต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าจึงสอดคล้องกับจริตของท่านนบี ในอิสลามให้สิทธิสตรีในมรดก ทรัพย์สิน สิทธิทางสังคมและการแต่งงาน รวมถึงสิทธิในการปฏิเสธเงื่อนไขสำหรับข้อเสนอในการแต่งงาน รวมถึงการหย่าร้าง ในโลกสมัยใหม่ ข้อกำหนดทางกฎหมายในโลกตะวันตกหลายประเทศที่ให้รวมข้อตกลงก่อนการสมรสไว้ในสัญญาการแต่งงานนั้นได้รับการยอมรับอย่างสมบูรณ์ในกฎหมายอิสลามมาก่อนหน้านั้นแล้ว ในยุคแรกของอิสลาม สตรีมีอาชีพและเป็นเจ้าของทรัพย์สิน เช่นเดียวกับในโลกปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม สังคมมุสลิมบางประเทศในยุคหลัง สิทธิของสตรีช่วงเริ่มการหย่าร้างจะยากกว่าที่ตั้งใจไว้ แต่นั่นเป็นผลจากกฎหมายที่ค่านิยมปิตาธิปไตยย้อนกลับมาแสดงบทบาทอีกครั้งซึ่งแน่นอนว่านั่นไม่ใช่ค่านิยมของอิสลาม ในหะดิษของท่านนบีมุฮัมมัดแนะนำเสมอให้ชายปฏิบัติต่อภรรยาและลูกสาวเป็นอย่างดี อัลกุรอานกล่าวว่าชายมีสิทธิ์เหนือหญิงของตนเองและหญิงมีสิทธิ์เหนือชายของตนเองเช่นเดียวกัน ท่านนบีเองเคยกล่าวว่า “สวรรค์อยู่ที่เท้าของมารดา” ทั้งบอกด้วยว่าในวันแห่งการตัดสินหรือวันกิยามะฮฺ หากลูกสาวพูดยกย่องบิดาเป็นอย่างดี บิดาเหล่านั้นจะเข้าสู่สวรรค์ #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน, #นบีมุฮัมมัดพลังละมุนแห่งอิสลาม, #นักสิทธิสตรีแห่งยุคกลาง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *