ชนชาวเติร์กกับพลังและโมเมนตัมที่ขับเคลื่อนประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 46

สุลต่านเมฮฺเมดที่ 2 ยึดกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้ในวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ.1453 หลังจากล้อมและโจมตีอยู่นานเกือบสองเดือน นักประวัติศาสตร์กล่าวว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นคือจุดสิ้นสุดของจักรวรรดิไบแซนไทน์ที่มีอายุ 12 ศตวรรษ หากจะกล่าวว่าคือจุดสิ้นสุดจักรวรรดิโรมันอายุ 15 ศตวรรษก็ได้อีกเช่นกัน การล่มสลายของคอนสแตนติโนเปิลสร้างผลกระทบต่อจิตใจชาวคริสต์ทั้งแคธอลิกและออร์โธดอกทั่วยุโรปเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์บางส่วนกลับมองว่าอันที่จริงกรุงคอนสแตนติโนเปิลล่มสลายไปก่อนหน้านั้นแล้วตั้งแต่ ค.ศ.1204 ด้วยฝีมือชาวคาธอลิกที่ยกกองทัพมาทำศึกครูเสดครั้งที่ 4 สงครามครูเสดเริ่มตั้งแต่ ค.ศ.1096 สงครามครั้งแรกทัพครูเสดได้รับชัยชนะ ชาวเมืองเยรูซาเล็มทั้งมุสลิม คริสต์และยิวจำนวนกว่า 7 หมื่นคนถูกสังหาร โหดร้ายอย่างนั้นเนื่องจากทหารในทัพครูเสดต่างเป็นอัศวินและทหารที่หวังหารางวัลให้กับตนเอง ไม่ได้มีแนวคิดเสียสละทางศาสนาสักเท่าไหร่ เยรูซาเล็มตกเป็นของครูเสดอยู่นาน 90 ปี กองทัพเซลจุกนำโดยสุลต่านชาวอาหรับเคิร์ดนามซอลาฮุดดินจึงยึดคืนกลับมาได้ใน ค.ศ.1187 โดยไม่มีการสังหารล้างแค้นเช่นที่เคยถูกกระทำ หลังจากนั้นจึงเป็นครูเสดครั้งที่ 3 ที่กล่าวถึงพระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์แห่งอังกฤษที่มีการกล่าวถึงวีรกรรมไว้มากมาย ทว่าน่าแปลกที่แทบไม่พบบันทึกเช่นนี้เลยในฟากฝั่งมุสลิมสงครามครูเสดครั้งที่ 4 แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าสงครามนี้ไม่ใช่ศึกระหว่างคริสต์กับอิสลามอย่างที่เคยเชื่อกัน กองทัพครูเสดซึ่งส่วนใหญ่เป็นคาธอลิเมื่อผ่านมาถึงคอนสแตนติโนเปิลซึ่งถือคริสต์ออร์โธดอก แทนที่จะร่วมกันชิงเยรูซาเล็มกลับคืนมา ทัพครูเสดกลับยึดคอนสแตนติโนเปิล ปล้นฆ่าข่มขืน สังหารชาวเมืองไปหลายพัน จึงยืนยันได้อีกครั้งว่าสงครามครูเสดเป็นเพียงความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ คำว่าสละชีวิตเพื่อศาสนาจึงเป็นเพียงวาทกรรมเท่านั้น นอกจากกรุงคอนสแตนติโนเปิลแล้ว หลายเมืองออร์โธดอกแถบนั้นยังถูกทัพครูเสดปล้นสะดมจนแทบไม่เหลือ เมื่อกองทัพอุสมานียะฮฺเข้ายึดเมืองคอนสแตนติโนเปิลได้ใน ค.ศ.1453 จึงไม่ใช่เรื่องการทำลายจักรวรรดิไบแซนไทน์ลง เพราะเวลานั้นแทบไม่เหลือความเป็นจักรวรรดิไบแซนไทน์อีกแล้วชะตากรรมของคอนสแตนติโนเปิลใน ค.ศ.1453 ไม่ต่างจากแบกแดดที่ถูกทำลายชนิดราพนาสูรโดยทัพมองโกลใน ค.ศ.1258 สักเท่าไหร่ เวลานั้นอับบาสิยะฮฺที่เคยยิ่งใหญ่แทบไม่เหลือความเป็นจักรวรรดิ เมืองบริวารกลายเป็นอาณาจักรเล็กๆที่เป็นอิสระ มองโกลจึงทำลายได้แต่แบกแดด นครหลวงของจักรวรรดิที่มีประชากรเกือบล้านคนถูกสังหารจนแทบไม่เหลือ ไม่เพียงสร้างความสะเทือนใจทั่วโลกมุสลิม แม้แต่จักรวรรดิมองโกลด้วยกันคือโกลเดนฮอร์ด (Golden Horde) ของเบอร์เกข่าน (Berke khan) ที่เข้ารับอิสลามแล้ว การทำลายล้างนครแบกแดดได้จุดชนวนความแค้นนำไปสู่ศึกใหญ่ระหว่างฮูเลกูข่านผู้ทำลายแบกแดดกับเบอร์เกข่าน เป็นผลให้รัฐข่านมองโกลในเอเชียกลางล่มสลายลงหลังจากนั้น กระทั่งเป็นโอกาสให้ออสมันสร้างจักรวรรดิอุสมานียะฮฺขึ้นจนได้ในเวลาต่อมา #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *