คนไทยรู้จักงากันดีอยู่แล้ว แต่อาจไม่รู้จักประโยชน์ของงามากนัก จึงอยากแนะนำให้รู้จักกันสักหน่อย งาเป็นธัญพืชเม็ดเล็กสีขาวบ้างสีดำบ้างสีน้ำตาลบ้างให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อุดมไปด้วยโปรตีน อย่าง 100 กรัมของงาให้โปรตีน 16 กรัมเทียบเท่ากับปลา ทั้งยังให้โปรตีนมากกว่าไข่ 100 กรัมซึ่งให้โปรตีน 11 กรัมเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่เราไม่ได้กินงาในปริมาณมากเท่ากับกินปลากินไข่จึงทำให้ไม่ได้โปรตีนมากมายจากงาคุณภาพโปรตีนของงาแม้คุณภาพสู้โปรตีนจากปลาและไข่ไม่ได้เนื่องจากขาดกรดอะมิโนบางตัวแต่หากกินงาคู่กับข้าวหรือธัญพืชชนิดอื่นจะทำให้ได้โปรตีนที่มีคุณภาพดีพอๆกับปลาและไข่ งาจึงให้ประโยชน์ต่อร่างกายทางด้านโปรตีนไม่แพ้โปรตีนชนิดอื่น งามีไขมันสูง ไขมันหรือน้ำมันในงามีองค์ประกอบของกรดไขมันที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพแถมเป็นเมล็ดพืชที่มีส่วนน้ำมันงา พบว่ากรดไขมันจากน้ำมันงาอุดมไปด้วยกรดไขมันโมโนและกรดไขมันไม่อิ่มตัวช่วยเรื่องลดคอเลสเตอรอลได้ เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของหัวใจ อีกทั้งในงายังมีแร่ธาตุหลายตัว อย่างเช่นแมกนีเซียมที่ช่วยลดความดันโลหิตได้ มีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูก ทั้งยังมีธาตุสังกะสีที่ช่วยเสริมภูมิต้านทาน ช่วยสร้างคอลลาเจนจึงช่วยบำรุงผิวหนัง ในงามีธาตุเหล็กที่ช่วยสร้างเม็ดโลหิตช่วยลดอาการอ่อนเพลียจากการทำงานเพราะธาตุเหล็กเข้าไปช่วยการทำงานของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อ็อกซิเจนของเซลล์ ในงายังมีสารไฟโตนิวเทรียนท์หลายตัวส่วนใหญ่เป็นพวกไฟโตสเตอรอลที่ช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระจึงช่วยป้องกันการทำลายผิวหนังของรังสียูวีได้ด้วย ตัวหนึ่งที่พบเฉพาะในงาไม่ค่อยพบในอาหารอื่นคือ “เซซามอล” (sesamol) เป็นสารไฟโตนิวเทรียนท์ที่ทำลายอนุมูลอิสระได้ดี ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้นอกจากนี้งายังช่วยลดความเครียดได้อีกต่างหากเนื่องจากมีแร่ธาตุอย่างแมกนีเซียม แคลเซียม อย่างที่บอกทั้งยังมีวิตามินบีหนึ่งและทริปโตฟาน สารอาหารทั้งหมดนี้ร่วมกันสร้างฮอร์โมนเซโรโทนินช่วยลดความเครียดได้ เห็นประโยชน์ของงาอย่างนี้แล้วทีหลังจะได้ลองหางามาปรุงเป็นอาหารสร้างสุขภาพ ช่วยเกษตรกรปลูกงากันสักหน่อย #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน, #งาสารพัดประโยชน์งา
