บ้านทองหยอด” จากธุรกิจโรงงานขนมไทย สู่โรงเรียนแบดมินตัน ที่สร้างแชมป์โลกประวัติศาสตร์ ทั้ง ชาย และ หญิง ย้อนกลับไปเมื่อปี 1990 หรือเมื่อ 33 ปีที่แล้ว “แม่ปุก” กมลา ทองกร ได้สร้างธุรกิจโรงงานขนมไทย บ้านทองหยอด ขึ้น เพื่อขายขนมไทยสูตรคุณแม่เธอเริ่มต้นขายขนมไทยในพื้นที่ใกล้เคียง ก่อนขยับขยายตามความนิยม จนเริ่มมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อเพื่อนำไปขายปลีกต่อในร้านรวงต่างๆ “บ้านทองหยอด” คือ แบรนด์ขนมไทย ที่ดังทั่วกรุงเทพฯ แต่ใครเล่าจะรู้ว่า วันหนึ่ง “บ้านทองหยอด” จะดังไปทั่วโลก ไม่ใช่เพราะเรื่องขนม แต่เป็นเพราะ “แบดมินตัน”
“แม่ปุก” ชื่นชอบแบดมินตันอย่างมาก เธอตัดสินใจสร้างสนามแบดฯ ไว้ในโรงงาน เพื่อให้ลูกๆ ทั้งสามได้เล่น รวมถึงให้พนักงานได้ออกกำลังกายด้วย
ปี 1995 สาวน้อยวัยแรกเกิดจากจังหวัดยโสธร ได้เดินทางมากรุงเทพฯ พร้อมคุณพ่อคุณแม่ ที่เข้ามาหางานทำ หนูน้อยคนนั้นชื่อว่า “เมย์” รัชนก อินทนนท์ และปลายทางของครอบครัว อินทนนท์ ในครั้งนั้น คือ การเป็นพนักงานในโรงงาน “บ้านทองหยอด”วันหนึ่ง ชีวิตของเด็กหญิงรัชนกได้เปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อ “แม่ปุก” เกรงว่า “น้องเมย์” จะเล่นซนในโรงงานจนเกิดอันตราย จึงชวนเข้ามาเล่นในสนามแบดมินตันที่เธอสร้างไว้ ก่อนจะยื่นไม้แบดฯ ให้รัชนกลองเล่น โดยไม่หวังผลตอบแทน
และนั่น คือ วินาทีที่ “สาวน้อยมหัศจรรย์” แห่งวงการแบดมินตันไทย ได้ถือกำเนิดขึ้นรัชนก เริ่มต้นเล่นแบดมินตันแบบไม่คิดอะไร ก่อนจะหลงรักกีฬาชนิดนี้ และฝึกฝนอย่างจริงจัง ในเวลาต่อมา
ปี 2007 วัย 12 ปี เธอลงแข่งขันในระดับชิงแชมป์ประเทศ ท่ามกลางนักกีฬาระดับท็อป
ปี 2008 วัย 13 ปี เธอคว้ารองแชมป์ประเทศไทย
ปี 2009 วัย 14 ปี เธอคว้าแชมป์ประเทศไทย โดยชนะ สลักจิต พลสนะ อดีตมือหนึ่งของประเทศ ที่เพิ่งผ่านศึกโอลิมปิก เกมส์ 2008 ที่ประเทศจีน แบบสดๆ ร้อนๆ
จากนั้น วัย 14 ปี รัชนก คว้าแชมป์โลกแบดมินตันเยาวชนหญิงมาครองได้ โดยเป็นนักกีฬาไทยคนแรก และเป็นนักกีฬาที่อายุน้อยที่สุดที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้อีกด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังคว้าแชมป์เยาวชนโลกได้อีก 2 สมัยติดต่อกัน ในปี 2010 และ 2011 ทำให้เป็นนักแบดฯ คนแรกในประวัติศาสตร์ ที่คว้าแชมป์โลกเยาวชนได้ 3 สมัยติดต่อกัน
ปี 2012 ในวัย 17 ปี รัชนก แข่งขันโอลิมปิก เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ประเทศอังกฤษ ก่อนจะตกรอบ 8 คนสุดท้าย
ประวัติศาสตร์ที่ รัชนก สร้างไว้ เริ่มจากการสร้างคน การยื่นโอกาส และยื่นไม้แบดมินตันของ “แม่ปุก” ในคราวนั้น
เดือนพฤษภาคม ปี 2013 สโมสรแบดมินตันบ้านทองหยอด ได้ยกระดับขึ้นอีกขั้น ด้วยการเซ็นสัญญากับ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ที่เข้ามาสนับสนุนสโมสรแห่งนี้ แบบรอบด้าน พร้อมทั้งมีภารกิจร่วมกัน ในการสร้างนักแบดมินตัน มือ 1 ของโลกชาวไทย และคาดหวังไปถึงการสร้างแชมป์โลกแบดมินตันชาวไทยให้ได้ในอนาคต สมัยนั้น “น้องเมย์” รัชนก ในวัย 18 ปี รั้งอยู่อันดับ 5 ของโลก ซึ่งเป็นผลผลิตที่มีคุณภาพจากสโมสรบ้านทองหยอด ที่แสดงให้เห็นถึง ศักยภาพในการคัดสรร และการพัฒนาเยาวชนไทยสู่วงการแบดมินตันโลก ซึ่งการสนับสนุนครั้งนั้น “ไม่มีกำหนดเวลา แต่อย่างใด” เพราะการสร้างคน จำเป็นต้องใช้เวลา ต้องใช้พลังงาน พลังกาย พลังใจ และพลังเงิน ควบคู่กันไปทั้งหมด
เดือนสิงหาคม ปี 2013 ในวัยเพียง 18 ปี รัชนก อินทนนท์ สร้างตำนาน “สาวน้อยมหัศจรรย์” ด้วยการก้าวขึ้นเป็นแชมป์โลกแบดมินตันหญิง คนแรกของประเทศไทย และกลายเป็นแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์โดยรอบชิงชนะเลิศ “น้องเมย์” ชนะ หลี เสี่ยว เร่ย ยอดนักแบดสาวชาวจีน ที่เพิ่งคว้าเหรียญทอง โอลิมปิก 2012 มาหมาดๆ และจากนั้น “น้องเมย์” ก็อยู่ในระดับท็อป ของวงการแบดมินตันหญิงโดยตลอด พร้อมทั้งเคยก้าวขึ้นสู่มือ 1 ของโลก ในปี 2016 อีกด้วย
ซึ่งระหว่างที่ รัชนก กำลังเติบโตบนเส้นทางลูกขนไก่ สว่างไสวในระดับโลก บ้านทองหยอด ก็ยังคงพยายามสร้างนักแบดมินตันสายเลือดใหม่ ขึ้นมาทดแทนอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2014 ประตูของ “บ้านทองหยอด” ก็ได้เปิดรับนักแบดมินตัน หนุ่มน้อย วัย 13 ปี ที่ชื่อว่า “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ เข้าสู่รั้วโรงเรียน
กุลวุฒิ เริ่มเล่นกีฬาแบดมินตัน ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ โดยคุณพ่อของเขาเป็นโค้ชกีฬาแบดมินตัน และสอนให้ลูกเล่นกีฬานี้ เพื่อให้ลูกรักในการเล่นกีฬา และรักษาสุขภาพ จากอาการโรคภูมิแพ้แต่ไม่ใช่แค่รักกีฬานี้เท่านั้น ทว่า “วิว” กุลวุฒิ กลับตั้งใจฝึกฝนจริงจัง และเขาก็เก่งขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มประสบความสำเร็จในระดับเยาวชนของประเทศไทย ตั้งแต่อายุ 9 ปี
จากนั้น ปี 2014 “วิว กุลวุฒิ” ในวัย 13 ปี ก็ได้เข้ามาอยู่ในสังกัดโรงเรียนบ้านทองหยอด ให้หลังการเป็นแชมป์โลกของ “น้องเมย์” 1 ปี และถือเป็นนักกีฬารุ่นแรกๆ ที่ได้รับการสนับสนุนแบบเต็มรูปแบบ ตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียน
ซึ่งหลังจากนั้น เส้นทางของ “วิว กุลวุฒิ” ก็เต็มไปด้วยความสำเร็จเช่นเดียวกับ “น้องเมย์”
ปี 2014 ในวัย 13 ปี “วิว กุลวุฒิ” คว้าแชมป์ประเทศไทย ในรุ่น เยาวชน 14 ปี
ปี 2015 ในวัย 14 ปี “วิว กุลวุฒิ” คว้าแชมป์ประเทศไทย ในรุ่น เยาวชน 14 ปี
ปี 2016 ในวัย 15 ปี “วิว กุลวุฒิ” คว้าแชมป์ประเทศไทย ในรุ่น เยาวชน 16 ปี
ปี 2017 ในวัย 16 ปี “วิว กุลวุฒิ” คว้าแชมป์ประเทศไทย ในรุ่น เยาวชน 19 ปีในวัยเพียง 16 ปี วิว กุลวุฒิ สามารถคว้าแชมป์เยาวชนในรุ่นสูงสุดได้ (รุ่น 19 ปี) นั่นหมายความว่า แค่อายุ 16 ปี ก็ไม่มีเยาวชนคนไหนในประเทศที่เก่งไปกว่าเขาแล้ว
เมื่อการแข่งขันในประเทศไทย เล็กไปสำหรับเขา การก้าวออกไปสู่ระดับโลก จึงเป็นทางเลือกที่เขาได้โอกาสเดิน และนั่นคือ วินาทีที่โลกได้รู้จัก “หนุ่มน้อยมหัศจรรย์” แห่งวงการแบดมินตันโลก
ปี 2017 ในวัย 16 ปี “วิว กุลวุฒิ” คว้าแชมป์แบดมินตันเยาวชนชิงแชมป์โลก ประเภทชายเดี่ยว ได้เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย จากนั้น “วิว” ก็เดินตามรอย “น้องเมย์” ชนิดที่ถอดความสำเร็จกันแบบโคลนนิ่ง เพราะในปี 2018 กับ 2019 “วิว” สามารถคว้าแชมป์เยาวชนโลกได้อีก 2 สมัย และเป็นนักกีฬาคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่คว้าแชมป์ชายเดี่ยว แบดมินตัน เยาวชนโลก ได้ 3 สมัยติดต่อกัน จากนั้น “วิว กุลวุฒิ” ก็เข้าสู่วงการแบดมินตันโลก ก่อนผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ แบดมินตัน ชิงแชมป์โลก ประเภทชายเดี่ยว ได้ในปี 2022 ที่ผ่านมา โดยรอบชิงครั้งนั้น “วิว กุลวุฒิ” ไปไม่ถึงดวงดาว เมื่อพ่ายต่อ วิคเตอร์ อเซลเซ่น มือ 1 ของโลก จากเดนมาร์ก 0-2 เกมแต่ความพ่ายแพ้ครั้งนั้น ไม่ได้ทำให้ “วิว กุลวุฒิ” ยอมแพ้แต่อย่างใด เขากลับมาฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง และให้หลังจากนั้นเพียง 1 ปี ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการแบดมินตันไทย ก็ได้เกิดขึ้น
เมื่อ “วิว กุลวุฒิ” กลายเป็นนักแบดมินตัน ประเภทชายเดี่ยว คนไทยคนแรกที่คว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ หลังเอาชนะ โคได นาราโอกะ มืออันดับ 4 ของโลกจากประเทศญี่ปุ่น 2-1 เกม ในการแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลก 2023 ที่ประเทศเดนมาร์ก นับเป็นแชมป์โลกแบดมินตันชาวไทย รายการที่ 3 ต่อจาก รัชนก อินทนนท์ (หญิงเดี่ยว, ปี 2013) และ เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย (คู่ผสม, ปี 2021)
กว่า 33 ปีเต็ม จากความมุมานะสร้างคนด้วยกีฬาแบดมินตันของ “คุณแม่ปุก” ที่เริ่มต้นตั้งแต่การสร้างสนามภายในโรงงาน การหยิบยื่นไม้แบดให้กับเด็กน้อย
กว่า 10 ปีเต็ม ในการเป็นเพื่อนร่วมทาง ระหว่าง “บ้านทองหยอด” และ สิงห์ คอร์ปอเรชั่นที่มีความเชื่อร่วมกัน ในการสร้างคน การสร้างนักกีฬาที่ดี ต้องสร้างตั้งแต่จุดเริ่มต้น ฟูมฟักอย่างใส่ใจ และต่อเนื่องซึ่งความตั้งใจทั้งหมด ก็ทำให้เราได้เห็น 2 แชมป์โลก แบดมินตัน ทั้งประเภทชาย และหญิง ที่มีจุดกำเนิดจากในรั้วโรงงานทำขนมไทย “บ้านทองหยอด”
นี่คือความพยายามที่ยอดเยี่ยมของบ้านทองหยอด ซึ่งความสำเร็จของ “วิว กุลวุฒิ” จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพราะในระหว่างที่ “น้องเมย์” ยังเจิดจรัสในวงการขนไก่โลก และส่ง “วิว กุลวุฒิ” ก้าวสู่ระดับท็อปตั้งแต่อายุเพียง 22 ปียังมีหนุ่มน้อยสาวน้อยอีกหลายคน ที่อยู่ในกระบวนการสร้างนักกีฬาของบ้านทองหยอดในปัจจุบัน ความตั้งใจจริงของ “แม่ปุก” ยังคงดำเนินต่อไป ไม่มีหยุดยั้ง แม้จะประสบความสำเร็จแล้วก็ตาม และในปัจจุบัน ภายในรั้วโรงเรียนแบดมินตัน “บ้านทองหยอด” แห่งนี้ ก็อาจจะกำลังบรรจุนักกีฬาเยาวชนที่เป็น “อนาคตแชมป์โลก” อยู่ก็เป็นได้