เรียนรู้อัลไซเมอรส์ผ่านงานด้านศิลปะ

อัลไซเมอรส์ (Alzheimers) เป็นโรคทางสมองที่พบบ่อยที่สุด แม้พบมากในผู้สูงอายุแต่ไม่ใช่ความเสื่อมตามธรรมชาติโดยเป็นความเสื่อมที่เกิดจากโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “เบต้า-อะไมลอยด์” (beta-amyloid) ไปจับเซลล์สมองกระทั่งเสื่อมและฝ่อลง การสื่อสารระหว่างเซลล์สมองเสียหายจากการลดลงของสารสื่อประสาทอะซีติลโคลีน (acetylcholine) ส่งผลต่อความทรงจำ ความเสื่อมเริ่มจากสมองส่วนฮิปโปแคมปัส (hippocampus) ที่มีบทบาทสำคัญในการจดจำข้อมูลใหม่ๆ เซลล์สมองส่วนนี้ถูกทำลายลงช้าๆผู้ป่วยเริ่มมีปัญหาเรื่องความจำโดยเฉพาะความจำระยะสั้น จากนั้นความเสียหายจะแพร่กระจายไปสู่สมองส่วนอื่นๆ ส่งผลต่อการเรียนรู้ ความรู้สึกนึกคิด ภาษา และพฤติกรรม นี่คือความน่ากลัวของอัลไซเมอรส์

คนจำนวนมากทุกข์ทรมานกับอัลไซเมอรส์ หนึ่งในนั้นคืออดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน (1911-2004) ปลาย ค.ศ.1994 เมื่ออายุ 83 ปี เรแกนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นอัลไซเมอรส์ เขาเขียนจดหมายถึงประชาชนอเมริกันเพื่อขอบคุณที่ให้โอกาสเขาเป็นประธานาธิบดีสองสมัย และเตือนให้เห็นถึงความสำคัญของโรคนี้ แนนซี เรแกน ผู้เป็นภรรยาจัดตั้งมูลนิธิเพื่อหาทุนสนับสนุนการวิจัยโดยหวังว่าวันหนึ่งนักวิทยาศาสตร์จะพบวิธีรักษาอัลไซเมอรส์ได้ ทว่าจนบัดนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะพบยารักษา อดีตประธานาธิบดีเรแกนร้องไห้ในวันที่เริ่มจดจำอะไรไม่ได้ เขารู้ว่าอีกไม่นานจะลืมภรรยาและบุตรที่เขารัก ลืมแม้ตัวตนของตนเอง บุตรสาวเขียนรายงานอาการของพ่อให้สาธารณชนได้รับรู้เป็นระยะ เรแกนทรมานอยู่สิบปีก็เสียชีวิตมีสภาพไม่ต่างจากผักชนิดหนึ่ง ร่างกายหมดประสิทธิภาพในการทำงาน ความทรงจำสูญสลายไปอย่างสิ้นเชิง

อีกคนหนึ่งมีชื่อเสียงไม่มากทว่าโรคอัลไซเมอรส์กลับทำให้ชื่อของเขากลายเป็นที่จดจำและเป็นส่วนหนึ่งในตำราเรียนทางการแพทย์ด้านสมองนั่นคือศิลปินวาดภาพชื่อวิลเลียม อูเตอร์โมห์เลน (William Utermohlen 1933-2007) เป็นชาวอเมริกันแต่ไปใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาชาวอังกฤษที่ลอนดอน ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นอัลไซเมอรส์ใน ค.ศ.1995 เมื่ออายุเพียง 62 ปี แพทย์คือนายแพทย์มาร์ติน รอสโซ (Martin Rossor) และพยาบาลคือรอน ไอแซคส์ (Ron Isaacs) กระตุ้นให้เขาวาดภาพเหมือนของตนเองซึ่งเขาทำได้ดีไปจนกว่าสมองจะเสื่อมสลายจนหมด อูเตอร์โมห์เลนวาดภาพเหมือนของตนเองโดยอาศัยความทรงจำตั้งแต่ ค.ศ.1995 กระทั่งถึง ค.ศ.2000 ในปีสุดท้ายเขาวาดโดยใช้ดินสอเท่านั้น จดจำหน้าตาของตนเองไม่ได้อีกต่อไป พยาบาลไอแซคส์เขียนอธิบายความก้าวหน้าของโรคตลอดระยะเวลาห้าปีกลายเป็นองค์ความรู้ชิ้นสำคัญสำหรับแพทย์ด้านสมอง เป็นสมบัติทรงคุณค่าที่อูเตอร์โมห์เลนทิ้งไว้ให้โลก เขาถูกส่งเข้าโรงพยาบาลดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอรส์ระยะสุดท้ายใน ค.ศ.2004 และจากโลกไปใน ค.ศ.2007 #drwinaidahlan#ดรวินัยดะห์ลัน#Alzheimers#utermohlen