เดือนรอมฎอนในอิสลาม สิ่งที่รับรู้กันมากที่สุดคือ “การถือศีลอด” (Fasting) ผู้คนจึงมักใส่ใจกับการอดอาหารว่ามีผลต่อสุขภาพมากน้อยแค่ไหน ทั้งผลต่อการลดโรคอ้วนและโรคที่ตามมากับโรคอ้วน ทั้งเบาหวานประเภทที่สองและโรคหัวใจและหลอดเลือด อย่างไรก็ตาม เมื่อศึกษาลงไปในรายละเอียดของกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งที่เป็นข้อกำหนดและข้อแนะนำในเดือนรอมฎอน ปรากฏว่ากิจกรรมในรอมฎอนล้วนเกี่ยวข้องกับสุขภาพทั้งนั้น ไม่ว่าการละหมาดที่คล้ายเป็นการออกกำลังกาย การเคลื่อนไหวของข้อต่อและกล้ามเนื้อในร่างกาย ซึ่งมีมากขึ้นในเดือนรอมฎอน การอ่านอัลกุรอาน การสวดมนต์ภาวนา (ซิเกร) การกำหนดจิต การทำบุญให้ทานที่ล้วนให้ผลดีต่อสุขภาพทางจิตใจ และจิตวิญญาณ การร่วมกันละหมาด ร่วมกิจกรรมกันในมื้อละศีลอดซึ่งส่งผลดีต่อการเข้าร่วมสังคม ทั้งหมดส่งผลดีต่อสุขภาพด้วยกันทั้งนั้น รอมฎอนจึงมิใช่เพียงการถือศีลอดอย่างที่เข้าใจกัน
ก่อนอื่นลองทำความเข้าใจกับความหมายของคำว่า “สุขภาพ” (Health) กันก่อน องค์การอนามัยโลกกำหนดนิยามไว้ว่าสุขภาพหมายถึงสุขภาวะทางร่างกาย (Physical) จิตใจ (Mental) และสังคม (Social) อีกทั้งยังมีอีกหนึ่งภาวะที่ควรให้ความสำคัญ นั่นคือสุขภาวะทางจิตวิญญาณ (Spiritual) ซึ่งเป็นส่วนที่แยกออกมาจากจิตใจ โดยจิตวิญญาณสัมพันธ์กับความเชื่อและศรัทธาที่ฝังลึกลงไปมากกว่าสุขภาวะทางจิตใจ มีรายงานวิจัยทางการแพทย์มากมายยืนยันว่าการสร้างสุขภาพมักได้ผลไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย หากมองข้ามสุขภาวะด้านความเชื่อและศรัทธาของผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการรักษาพยาบาลยามป่วยไข้
ทางด้านสุขภาวะทางร่างกายและจิตใจ ระหว่างถือศีลอดนับแต่แสงเงินแสงทองเริ่มจับท้องฟ้าจนถึงดวงอาทิตย์ตก อิสลามกำหนดให้งดการกิน การดื่ม การเสพย์กาม การพูดจาไม่สุภาพ โกหก นินทาว่าร้ายผู้อื่น ทำจิตใจดี การเป็นมือบน เอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น ในแนวทางปฏิบัติ ก่อนแสงเงินแสงทองจับท้องฟ้าหรือเวลา “ฟะญัร” (الفجر Fajar) แนะนำให้บริโภคอาหารมื้อก่อนเช้าที่เรียกว่า “สะฮูร” (السحور Sahur) โดยแนะนำให้บริโภคใกล้เวลาฟะญัรมากที่สุด เพื่อร่างกายจะได้สดชื่นระหว่างถือศีลอด ช่วงเวลาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า แนะนำให้เร่งรีบรับประทานและดื่มในมื้ออาหารที่เรียกว่า “อิฟฏาร” (الإفطار Iftar) ท่านนบีมุฮัมมัดบริโภคมื้อเย็นไม่มาก หลังจากนั้นท่านยังไม่บริโภคจุบจิบและไม่บริโภคเพิ่มเติม ซึ่งในทางโภชนาการเองแนะนำในลักษณะเดียวกัน เพื่อป้องกันโรคอ้วนและโรคอื่นที่ตามมากับโรคอ้วน
ในด้านการละหมาดทั้งภาคบังคับและไม่บังคับ ยามค่ำคืนช่วงรอมฎอนมีการละหมาดตะรอเวียะฮฺ วิตริ ทั้งยังอาจมีการละหมาดยามดึกที่เรียกว่าตะฮัดยุด ซึ่งช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานมากขึ้น โดยไม่นำพลังงานส่วนที่เกินจากมื้ออาหารไปสะสมเป็นไขมัน มีการอ่านกุรอาน การทำสมาธิ กำหนดจิต แถมด้วยข้อแนะนำการพักค้างแรมในมัสยิดในกิจกรรมที่เรียกว่าเอียะฮฺติกาฟ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่แนะนำให้ทำร่วมกันในสังคมและชุมชน เช่น การละศีลอด การละหมาดตะรอเวียะฮฺ เดือนรอมฎอนจึงเป็นเดือนแห่งการดูแลรักษาสุขภาพที่ครบถ้วนทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ นับเป็นเดือนแห่งการเสริมสุขภาพโดยแท้
#ดรวินัยดะห์ลัน, #drwinaidahlan, #รอมฎอนกับสุขภาพ, #สุขภาวะ