อิสลามคือความรัก มีผู้นำคือผู้รับใช้

จอห์น เอแดร์ (John Adair) ชาวอังกฤษ เกิดใน ค.ศ.1934 เป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยเซอร์เรย์และอีกหลายมหาวิทยาลัยชั้นนำของอังกฤษ ผ่านประสบการณ์ในกองทัพ เคยประจำการในในโลกอาหรับจึงทำให้เข้าใจภาษาอาหรับและวัฒนธรรมอิสลามเป็นอย่างดี นอกจากนี้ เอแดร์ยังมีประสบการณ์ในภาคธุรกิจและการเงิน เป็นผู้คิดทฤษฎีสามห่วง (Three Circles) แห่งการสร้างความสำเร็จขึ้น ใช้การปฏิบัติเป็นศูนย์กลาง (Action Centred) พัฒนาศักยภาพของสมาชิกแต่ละคนเพื่อสร้างทีม กำหนดให้ทีมและแต่ละคนร่วมกันขับเคลื่อนสามห่วงมุ่งไปสู่พันธกิจที่ตั้งเป็นเป้าหมายไว้ มีหลายหน่วยงานในหลายประเทศนำทฤษฎีสามห่วงไปใช้ในการสร้างทั้งผู้นำและความสำเร็จ เอแดร์เขียนหนังสือไว้มากกว่า 40 เล่ม แปลมากถึง 18 ภาษา

หนึ่งในหนังสือด้านผู้นำที่โดดเด่นที่สุดของจอห์น เอแดร์ คือ “The Leadership of Muhammad” ภาวะผู้นำของมุฮัมมัด ศาสนทูตแห่งอิสลาม หนังสือเล่มนี้เขียนใน ค.ศ.2010 หนาเพียง 127 หน้า ผมซื้อหนังสือเล่มนี้จากสนามบินดูไบเมื่อ พ.ศ.2560 เอแดร์พิจารณาสถานะความเป็นผู้นำของนบีมุฮัมมัดโดยเทียบกับทฤษฎีสามห่วงแห่งการสร้างผู้นำ เอแดร์เขียนสรุปไว้ว่าในบรรดาผู้นำตามธรรมชาติที่ถือกำเนิดขึ้นในโลก นบีมุฮัมมัดคือบุคคลที่ครบเครื่องมากที่สุด เป็นผู้ปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายนั่นคือเปลี่ยนชาวอาหรับกลางทะเลทรายอาระเบียในยุคคริสตศตวรรษที่ 7 จากการนับถือพระเจ้าหลายองค์ให้หันกลับมานับถืออัลลอฮฺองค์เดียว นบีมุฮัมมัดกำหนดพันธกิจนี้เป็นงาน (Task) โดยทุ่มเทปฏิบัติ ไม่หันเหสมาธิไปสู่จุดอื่นเลย

ในการสร้างความสำเร็จ ท่านนบีอาศัยบรรดาศอฮาบะฮฺโดยร่วมกันทำงานเป็นทีม (Team) โดยพัฒนาศักยภาพศอฮาบะฮฺแต่ละคน (Individual) ให้การปฏิบัติงานเป็นศูนย์กลางเพื่อบรรลุเป้าหมาย เอแดร์สรุปว่ามุฮัมมัดคือตัวอย่างความสำเร็จตามทฤษฎีสามห่วงการสร้างความสำเร็จที่ชัดเจนที่สุด ชนิดหาใครเทียบไม่ได้ นอกจากจะสำเร็จทางด้านการเปลี่ยนแนวคิดการนับถือพระเจ้า นบีมุฮัมมัดยังพัฒนาสังคม รวบรวมผู้คนกระทั่งสร้างรัฐแรกของชนอาหรับขึ้นได้สำเร็จ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นในประวัติศาสตร์ชนอาหรับไม่เคยมีรัฐมาก่อน ไม่เพียงเท่านั้น บรรดาศอฮาบะฮฺยังขยายพันธกิจไปสู่การสร้างจักรวรรดิอิสลาม เปลี่ยนผู้คนในสองจักรวรรดิยิ่งใหญ่ก่อนหน้านั้น ได้แก่ โรมันไบแซนไทน์และเปอร์เซีย ให้เข้าร่วมในพันธกิจเดียวกันนี้ได้สำเร็จ

ผมอ่านหนังสือของเอแดร์ที่ซื้อมาสองสามครั้ง เอแดร์เขียนไว้ในหนังสือว่าจากการศึกษางานของนบีมุฮัมมัด ได้ข้อสรุปว่าแท้จริง “อิสลามคือความรัก” สอนให้ผู้ศรัทธาอ่อนโยนและเมตตาต่อบุคคลอื่น เอแดร์เขียนไว้บนปกหนังสือเป็นหะดิษหรือคำพูดของนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ว่า “บนเส้นทาง ผู้นำกลุ่มชนใดคือผู้รับใช้กลุ่มชนนั้น” (On a journey, the leader of a people is their servant) ผู้นำไม่วางตนเป็นเจ้านาย ทว่าปฏิบัติงานเท่าเทียมหรือหนักกว่าผู้อื่นเพื่อร่วมกันสร้างความสำเร็จ เป็นความหมายที่ลึกซึ้งและกินใจอย่างที่สุด

#ดรวินัยดะห์ลัน, #drwinaidahlan, #อิสลามคือความรัก, #ผู้นำคือผู้รับใช้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *