อาหารในโลกมีอยู่นับหมื่นชนิด อาหารแนะนำมีอยู่มาก ทว่ามีอาหารหลายอย่างที่เป็นอาหารเลี่ยงหรืออาหารที่ควรเลี่ยงอย่างเช่นอาหารขยะ ซึ่งเป็นอาหารที่เติมน้ำตาลประเภทไซรัปฟรุคโตสเข้าไปสูง มีแป้ง มีเกลือสูง ใยอาหารต่ำ อาหารประเภทนี้น้ำอัดลมก็ใช่ เฟรนช์ฟราย ชิบ รวมทั้งอาหารจากบรรดาภัตตาคารอาหารขยะไม่ว่าจะเป็นแฮมเบอเกอร์ ไก่ทอด พิซซ่า โดนัท แพนเค้กก็ใช่ อาหารเหล่านี้ล้วนเป็นอาหารขยะทั้งนั้น ส่วนอาหารหลีกและอาหารหลบคืออาหารที่ควรหลีกหรือหลบ ได้แก่ บรรดาอาหารสังเคราะห์ทั้งหลายที่แต่เดิมไม่ได้มีอยู่ในธรรมชาติที่เคียงคู่มากับพัฒนาการของมนุษย์ อาหารธรรมชาติ ได้แก่ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ ไฟโตนิวเทรียนท์ น้ำ โดยพันธุกรรมของมนุษย์ชินกับสารอาหารธรรมชาติเหล่านี้อยู่แล้ว แต่มีหลายชนิดที่เรียกว่าอาหารเอาเข้าจริงไม่ใช่อาหาร พวกนี้เองที่ควรหลบและหลีก มีอะไรบ้างลองไปดูกัน
กลุ่มแรกที่เป็นอาหารหลบหรืออาหารหลีกคือกลุ่มอาหารที่ได้จากฟาร์มเคมีทั้งหลาย ได้แก่ ผักผลไม้ที่มีการใช้ยาฆ่าแมลงหรือยากำจัดศัตรูพืชหรือวัชพืชปริมาณมาก สารเคมีพิษเหล่านี้ปนเปื้อนเข้ามาในอาหาร ส่งผลให้อาหารธรรมชาติปนเปื้อนสารเคมีที่ไม่มีในธรรมชาติเข้าไปจึงต้องระวังกันหน่อย กลุ่มที่สองคือสารสังเคราะห์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นสารทดแทนความหวานอย่าง แอสปาร์เทม แซคคาริน ผงชูรสหรือเอ็มเอสจี วิตามินสังเคราะห์ สารปรุงรสทั้งหลาย สารแต่งกลิ่นแต่งสี สารกันบูดกันเสีย สารเหล่านี้หากหลบหรือหลีกได้ก็ต้องทำ อย่าเผลอบริโภคมากหรือบ่อยเพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งตับต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อกำจัดสารเหล่านี้
กลุ่มที่สามคือไขมันเทียมซึ่งจัดเป็นไขมันเลว ไขมันเทียมคือไขมันที่ประดิษฐ์ขึ้น อย่างเช่น เนยเทียมหรือมาร์การีน เนยพวกนี้ผลิตจากน้ำมันพืชนำมาเติมไฮโดรเจนเพื่อเปลี่ยนสภาพเป็นของแข็ง ทำให้เกิดสารไขมันสังเคราะห์ขึ้นอย่างเช่นกรดไขมันทรานส์ซึ่งไม่มีหรือมีน้อยมากในธรรมชาติ ไขมันเหล่านี้จัดเป็นไขมันเลว แนะนำให้เลือกน้ำมันพืชที่ผลิตจากกระบวนการที่ไม่ใช้สารเคมีมากกว่า อย่างน้ำมันประเภทเวอร์จิ้นทั้งหลาย หรือใช้น้ำมันพืชที่เป็นประเภทผ่านกระบวนการทางกายภาพ เป็นต้นว่า น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์มโอเลอิน
กลุ่มสุดท้ายคือน้ำตาลประดิษฐ์ซึ่งไม่พบในธรรมชาติ ได้แก่ น้ำตาลทรายและน้ำตาลฟรุคโตสไซรัป น้ำตาลพวกนี้อย่างเช่นน้ำตาลทรายพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ยุคโบราณ องค์การอนามัยโลกสมัยเมื่อตั้งใหม่ๆเคยถกกันว่าจะให้เลิกไหม ทว่าเลิกไม่ได้เนื่องจากอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายและอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำตาลทรายโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองมากจนหยุดยั้งไม่ได้แล้วจึงจำเป็นต้องปล่อย ภายหลังอุตสาหกรรมน้ำตาลยังพัฒนาไปเป็นไซรัปฟรุคโตสสร้างปัญหาสาหัสสากรรจ์มากกว่าเดิมหลายเท่า กลายเป็นแหล่งก่อปัญหาโรคอ้วน โรคเบาหวาน ตามมาด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดและอีกสารพัดโรค น้ำตาลเหล่านี้ล้วนเป็นสารสังเคราะห์ที่ไม่ได้มีอยู่ในธรรมชาติ หากทำได้ต้องหาทางหลีกหรือหลบ โดยลดการบริโภคลง