ราชวงศ์นาสริดปกครองกรานาดาจาก ค.ศ.1237 กระทั่งถึงปีสุดท้ายคือ ค.ศ.1492 มีสุลตานปกครอง 23 พระองค์ ทุกพระองค์เหน็ดเหนื่อยจากการศึกติดพันกับอาณาจักรรีคองกิสตาไม่ว่าจะเป็นปอร์ตุเกสทางตะวันตก คาสติลทางเหนือ และอะรากอนทางตะวันออกเฉียงเหนือ ต้นศตวรรษที่ 15 ใน ค.ศ.1410 กรานาดาสูญเสียเมืองสำคัญไปนั่นคือเมืองอันเตกีรา (Antequera) ให้แก่เฟอร์ดินาลด์แห่งคาสติล บุคคลซึ่งต่อมาไม่นานได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เฟอร์ดินาลด์ที่ 1 แห่งอะรากอน เมืองนี้สำคัญเนื่องจากตั้งอยู่ตรงปากทางเข้าสู่กรานาดา สถานการณ์เวลานั้นแม้ไม่ดีนักทว่ากรานาดายังคงปักหลักต้านทานการรุกของรีคองกิสตาได้อย่างเหนียวแน่นหลัง ค.ศ.1410 กรานาดาสูญเสียเมืองสำคัญอีกเมืองหนึ่งคือเมืองจูตาให้กับปอร์ตุเกสใน ค.ศ.1415 ก่อนรักษาพื้นที่ไปได้นานครึ่งศตวรรษจึงสูญเสียเมืองยิบรอลตาร์ไปอีกครั้งให้กับคาสติลใน ค.ศ.1460 สุดท้ายคือการเข้าสู่สิบปีแห่งการล้อมกรานาดาที่มีชื่อเสียงจาก ค.ศ.1482-1492 ซึ่งนับกันตั้งแต่การขึ้นครองราชย์ของสุลตานองค์สุดท้ายคือ “มุฮัมมัดที่ 12” ใน ค.ศ.1482 สุลตานพระองค์นี้รู้จักกันในหมู่อาณาจักรรีคองกิสตาว่า “โบอับดิล” (Boabdil) โดยก่อนหน้านั้นในส่วนของอาณาจักรรีคองกิสตา ราชินีแห่งคาสติล “อิซาเบลลาที่ 1” และกษัตริย์แห่งอะรากอน “เฟอร์ดินาลด์ที่ 2” อภิเษกสมรสกันแล้วใน ค.ศ.1469 เพื่อรวมกำลังกันพิชิตกรานาดา ถึง ค.ศ.1483 ในการศึกเมืองอะซากียา (Axaquia) หรือ อัลซากิยะฮฺ (ดินแดนทางตะวันออก) ทัพคาสติลทำการรุกอย่างรวดเร็วในขณะที่กรานาดาดำเนินการผิดพลาดถึงขนาดสุลตานมุฮัมมัดที่ 12 ทรงถูกจับเป็นเชลยของคาสติลนานถึงสามปี กระทั่ง ค.ศ.1486 ทางคาสติลจึงปล่อยตัวโดยแลกกับค่าไถ่ราคาแพงโข ช่วงเวลาระหว่างนั้นกรานาดาสูญเสียพื้นที่เมืองสำคัญรอบกรานาดาไปหลายเมือง ผ่านมาถึงปลาย ค.ศ.1491 การเจรจาระหว่างผู้แทนของราชินีอิซาเบลลาและกษัตริย์เฟอร์ดินาลด์ที่ 2 กับสุลตานมุฮัมมัดที่ 12 ได้ข้อยุติคือกรานาดายอมจำนนต่อทัพรีคองกิสตาโดยแลกกับเงื่อนไขบางประการ ที่สำคัญคือคาสติลยินยอมปล่อยเชลยศึกทั้งหมดให้เดินทางออกจากไอบีเรียสู่อัฟริกาเหนืออย่างปลอดภัย มุสลิมและยิวที่ยังคงอยู่อาศัยในไอบีเรียยังสามารถปฏิบัติศาสนกิจของตนเองได้โดยไม่ถูกรบกวน ไม่มีการทำลายทรัพย์สินต่างๆของมุสลิมวันที่ 2 มกราคม ค.ศ.1492 มิใช่วันปีใหม่ สุลตานมุฮัมมัดที่ 12 ทรงทำพิธีมอบกุญแจเมืองแด่ราชินีอิซาเบลลาในพระราชวังอัลฮัมบรา ในบันทึกกล่าวว่าสุลตานยังคงแข็งขืนไม่แสดงทีท่าการยอมจำนนกระทั่งพระราชมารดาของพระองค์จำต้องร้องขอต่อราชินีอิซาเบลลาให้ทรงอภัย สุดท้ายสุลตานจึงยอมจุมพิตพระหัตถ์ของราชินี ก่อนพาพสกนิกรชาวอันดาลุสทั้งหมดเดินทางออกจากกรานาดา บทบรรยายในบันทึกของสเปนกล่าวถึงความอาลัยอย่างสุดซึ้งของสุลตานต่อการสูญเสียอัลฮัมบรา ข้อเท็จจริงเป็นประการใดไม่อาจทราบ ทว่าเมื่อพระองค์ทรงลี้ภัยออกจากไอบีเรียไปยังเมืองเฟซ โมรอคโค ทรงใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนั้นนาน 41 ปีจึงสิ้นพระชนม์ใน ค.ศ.1533 โดยไม่มีช่วงใดที่แสดงให้เห็นว่าทรงเสียพระทัยมากมายดังที่ฝ่ายสเปนทำการบันทึกไว้ #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน, #มุสลิมสเปน