ช่วงศตวรรษที่ 8-11 อัลอันดาลุสหรืออันดาลุส อาณาจักรมุสลิมสเปนครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของคาบสมุทรไอบีเรียไว้ ยกเว้นทางด้านเหนือซึ่งเป็นอาณาจักรคริสเตียนอย่างน้อยสี่อาณาจักร เข้า ค.ศ.1010 อันดาลุสเริ่มส่งสัญญาณการปริแตก เกิดอาณาจักรย่อยที่เรียกว่าไทฟา (Taifas) ขึ้นเป็นจำนวนมาก กระทั่ง ค.ศ.1090 อันดาลุสตกเป็นมณฑลของอาณาจักรในอัฟริกาเหนือได้แก่อัลโมราวิดจากนั้นจึงเป็นอัลโมฮัด จนถึง ค.ศ.1228 เมื่ออัลโมฮัดถอนตัวจากไอบีเรีย อันดาลุสปริแตกใหญ่อีกครั้งกระทั่งสูญเสียดินแดนไปอย่างรวดเร็ว ใน ค.ศ.1269 อัลโมฮัดในอัฟริกาเหนือสูญสลายลง ในแผ่นดินอันดาลุสเหลือเพียงพื้นที่ของไทฟากรานาดาเท่านั้นช่วงเวลาเดียวกัน อาณาจักรคริสเตียนทางภาคเหนือ ในระยะแรกเกิดความแตกแยกไม่ต่างกัน ทว่าภายหลังกลับสร้างความเป็นปึกแผ่นได้ดีกว่า โดยคาสติลร่วมเป็นพันธมิตรกับเลออนช่วง ค.ศ.1072 และ ค.ศ.1157 ก่อนรวมเป็นอาณาจักรคาสติลใน ค.ศ.1230 จากนั้นคาสติลโดยราชินีอิซาเบลลาที่ 1 (Isabella I) และอะรากอนโดยกษัตริย์เฟอร์ดินานด์ที่ 2 (Ferdinand II) รวมเข้าด้วยกันโดยการอภิเษกสมรสใน ค.ศ.1469 เข้มแข็งกระทั่งเอาชนะกรานาดาของมุสลิมได้ใน ค.ศ.1492 หลังจากนั้นคาสติลจึงผนวกนาวาร์เรใน ค.ศ.1515 ก่อนเปลี่ยนเป็นสเปน (Spain) ใน ค.ศ.1516 โดยปอร์ตุเกสไม่เข้าร่วมด้วย ในส่วนของอันดาลุสที่เหลือเพียงกรานาดา ตั้งตนเป็นเอมิเรตอิสระตั้งแต่ ค.ศ.1237 คาสติลในบางครั้งร่วมกับปอร์ตุเกส บ้างร่วมกับอะรากอนเพื่อเอาชนะกรานาดา เกิดศึกระหว่างกันหลายครั้งตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 13 ไปจนถึงกลางศตวรรษที่ 15 ทว่าไม่สามารถเอาชนะได้ ความเข้มแข็งของกรานาดาที่ดำรงอยู่อย่างโดดเดี่ยว สร้างความแปลกใจให้กับทุกฝ่ายที่เคยคาดว่ากรานาดาต้องล่มสลายลงตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 13 แล้วใน ค.ศ.1250 กรานาดากลายเป็นส่วนเดียวของอาณาจักรอันดาลุสที่เหลืออยู่ ส่วนที่เคยร่วมกันเป็นอาณาจักรอันดาลุสแต่เดิมตกเป็นของปอร์ตุเกส, คาสติล, อะรากอน และนาวาร์เร ไปจนหมด อันที่จริงกรานาดาไม่ใช่ไทฟาใหม่ที่เริ่มต้นขึ้นช่วงทศวรรษที่ 1230 ทว่าเกิดมาตั้งแต่ครั้งทศวรรษที่ 1020 ในนามไทฟาการฺนาตา อัลยะฮุด (Garnata al-Yahud) โดยย้ายเมืองหลักจากเดิมคือเอลวิรา (Elvira) มาเป็นกรานาดา กระทั่ง ค.ศ.1237 ราชวงศ์นาสริดจึงใช้กรานาดาเป็นเมืองหลวงของเอมิเรตที่ตั้งขึ้นใหม่นักประวัติศาสตร์ยุโรปและมุสลิมมองการดำรงอยู่ของกรานาดาแตกต่างกัน บางฝ่ายมองว่ากรานาดาเป็นอิสระอยู่ได้ด้วยการยอมเป็นรัฐในอาณัติของคาสติล (Vassal state) โดยจ่ายบรรณาการรวมทั้งส่งกองทัพช่วยคาสติลรบกับอาณาจักรมุสลิมในอัฟริกาเหนือในบางครั้ง หรือเป็นทหารรับจ้างให้กับคาสติลทำนองนั้น ทว่าเมื่อพิจารณาจากสงครามหลายครั้งกลับกลายเป็นว่ากรานาดาทำศึกกับคาสติลและเอาชนะอยู่บ่อย นักประวัติศาสตร์มุสลิมและยุโรปหลายกลุ่มจึงเห็นว่ากรานาดาเป็นอิสระมาตลอดกระทั่งล่มสลายใน ค.ศ.1492 #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน, #มุสลิมสเปน