ดังได้กล่าวไว้ตั้งแต่ต้น ภายหลังจากราชวงศ์อุมัยยะฮฺสูญสลายลงอย่างสิ้นเชิงใน ค.ศ.1031 ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของอาณาจักรอันดาลุสก็พังทลายลงเกิดการแตกแยกเป็นไทฟาต่างๆนานกว่า 50 ปี อาณาจักรคริสเตียนใช้โอกาสจากการแตกสามัคคีของรัฐมุสลิมรุกไล่ลงมาจากทางเหนือ ยึดครองพื้นที่ต่างๆได้มากขึ้น กษัตริย์อัลฟองโซที่ 6 แห่งเลออนและคาสติลรุกรบได้ชัยชนะหลายพื้นที่ ใน ค.ศ.1085 ไทฟาสำคัญอย่างโทเลโดและซาลามานคาต่างตกเป็นของกองทัพคริสเตียน ไทฟาส่วนที่เหลือใกล้พ่ายแพ้เต็มที อันดาลุสในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานใกล้สูญสิ้นเช่นนั้น เป็นผลให้ใน ค.ศ.1086 ผู้นำหรืออามิรของไทฟาสองสามแห่งรวมกลุ่มกันเข้าพบยูซุฟ อิบนฺ ตัชฟิน (ตัชชูฟิน) หนึ่งในสองผู้ปกครองของอาณาจักรอัลโมราวิดที่เมืองมาร์ราเกซ ในโมรอคโค ขอให้ยูซุฟส่งกองทัพจากโมรอคโคเข้าไปแก้ไขสถานการณ์ในอันดาลุสในบรรดาอามิรของไทฟาที่เข้าพบยูซุฟ อิบนฺ ทัชฟิน แห่งอัลโมราวิด ครั้งนั้นมีอับบาสที่ 3 อัลมุตามิด (Abbad III al-Mu’tamid) ร่วมอยู่ด้วย อับบาสเป็นคนอาหรับเชื้อสายอุมัยยะฮฺที่สืบเชื้อสายมาจากตระกูลอัลลักชมี (al-Lakhmi) ที่ปกครองอัลอันดาลุสยุคแรก ส่วนยูซุฟเป็นชนเบอร์เบอร์ทางตอนใต้ พูดภาษาอาหรับไม่ดีนัก ก่อนหน้านี้ยูซุฟได้ร่วมกับอบูบักรฺ อิบนฺ อุมัร เปลี่ยนอัลโมราวิดให้ก้าวขึ้นเป็นอาณาจักรสำเร็จตั้งแต่ ค.ศ.1061 ทั้งยูซุฟและอบูบักรฺ แม้เคร่งศาสนาทว่ามีความเป็นนักรบมากกว่า ซึ่งแตกต่างจากผู้นำอัลโมราวิดระยะเริ่มต้นคือ ยะฮฺยา อิบนฺ อิบราฮิม และอับดุลเลาะฮฺ อิบนฺ ยาซีน ซึ่งมีความเป็นครูสอนศาสนามากกว่าการเป็นนักรบ ยูซุฟเมื่อได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำกลุ่มอัลโมราวิดร่วมกับอบูบักรฺ สิ่งที่เร่งทำคือการรวบรวมชนเผ่าเบอร์เบอร์กลุ่มต่างๆเข้าด้วยกันสร้างเป็นสหพันธ์รัฐขึ้น ตั้งเมืองมาร์ราเกซเป็นเมืองหลวง โดยสร้างอาณาจักรอัลโมราวิดขึ้นได้สำเร็จภายในปีเดียวคือ ค.ศ.1062 จากนั้นจึงรวมดินแดนโมรอคโค ตูนีเซียและอัลจีเรียเข้าด้วยกัน เป็นความสำเร็จที่สร้างชื่อเสียงให้กับยูซุฟ อิบนฺ ตัชฟิน เป็นอย่างมาก ชื่อเสียงดังกล่าวข้ามทะเลไปยังอันดาลุส ศักยภาพเช่นนี้จึงทำให้อามิรของไทฟาในอันดาลุส ตระหนักว่ายูซุฟนี่เองคือบุคคลที่เหมาะสมที่จะเข้ามาแก้ปัญหาในอันดาลุสก่อนจะเพลี่ยงพล้ำกระทั่งสูญเสียดินแดนให้กับอาณาจักรคริสเตียนไปจนหมดหลังจากฟังปัญหาของอันดาลุส และรับรู้ว่ากำลังใจของไทฟาส่วนที่เหลือลดลงไปมาก หากไม่ช่วยไว้อาณาจักรมุสลิมในไอบีเรียคงเลี่ยงการสูญสลายไม่พ้น ยูซุฟตอบสนองในทันทีโดยสั่งระดมพลเพื่อนำทัพเข้าสู่ไอบีเรีย แม้ในเวลานั้นปัญหาความขัดแย้งทางศาสนาในโมรอคโคที่คาราคาซังมาตั้งแต่ต้นยังไม่เรียบร้อย ยูซุฟสั่งให้ทัพหน้าจำนวน 500 นายข้ามฝั่งจากอัฟริกาเหนือเข้าสู่เมืองอัลเจอซีรัส (Algeciras) ใกล้ยิบรอบตาร์เพื่อจัดเตรียมพื้นที่ จากนั้นยูซุฟนำทัพอัลโมราวิดจำนวน 20,000 นายข้ามไปสมทบ เหตุการณ์สำคัญนี้เกิดขึ้นใน ค.ศ.1086 ปีที่ได้รับการร้องขอนั้นเอง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว กล้าได้กล้าเสียของผู้นำชนเบอร์เบอร์อย่าง ยูซุฟ อิบนฺ ตัชฟิน ผู้นำเยี่ยงนี้เองที่มีส่วนอย่างสำคัญทำให้อันดาลุสต่อลมหายใจไปได้นานถึง 400 ปี #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน, #มุสลิมสเปน