ขอเสนอเรื่องราวของชนเบอร์เบอร์เพิ่มเติมอีกสักหน่อย “เบอร์เบอร์” (Berbers) เป็นชื่อที่ชนโรมันเรียกชนพื้นเมืองแถบอัฟริกาเหนือและตะวันตก เรียกมานานนับพันปีเนื่องจากชนโรมันมองว่าตนสูงส่ง มีอารยะ ชนกลุ่มอื่นล้วนป่าเถื่อน ไม่ว่าจะเป็นชนเยอรมัน วิสิกอธ กอธ กอล แฟรงค์ รวมทั้งชนพื้นเมืองในอัฟริกาเหนือ ไม่สนใจว่าชนเหล่านั้นจะมีอารยธรมมาก่อนหรือไม่ คำว่าเบอร์เบอร์จึงมาจากคำว่าบาร์บาเรียนที่หมายถึงชนป่าเถื่อน เหมือนคนจีนเรียกชนกลุ่มอื่นรวมทั้งคนไทยและไตว่าฮวนนั้งที่แปลว่าคนเถื่อนนั่นแหละ เบอร์เบอร์จึงกลายเป็นชื่อเรียกชนอัฟริกาเหนือและอัฟริกาตะวันตกจนชินปาก กระทั่งไม่รู้สึกว่าเป็นชนเถื่อนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ชนเบอร์เบอร์เรียกตนเองว่า “อะมาซิกฮฺ” (Amazigh) หมายถึงเสรีชน ชนเบอร์เบอร์หรืออะมาซิกฮฺหรืออิมาซิกฮฺเป็นชื่อเรียกรวม มีหลายเผ่าพันธุ์จำนวนนับเป็นร้อย รวมได้สามกลุ่มใหญ่ คือ “เซนาตา” (Zenata) ผิวสีออกขาว กระจายอยู่ทางอัฟริกาเหนือ “มัสมูดา” (Masmuda) ผิวสีน้ำตาล กระจายอยู่ทางอัฟริกาตะวันตกแถบโมรอคโคปัจจุบัน “ซานฮาจา” (Sanhaja) ผิวสีคล้ำ กระจายอยู่ทางอัฟริกาตะวันตกด้านทะเลทรายซาฮาราไล่ลงไปจนถึงด้านล่างในอัฟริกากลาง การกำหนดสีผิวเช่นนี้พิจารณาจากวัฒนธรรมการรับรู้ (perception) ของชนยุโรปที่มักพิจารณากลุ่มชนตามรูปลักษณ์ อันเป็นรากของปัญหาการเหยียดสีผิว ชนยุโรปจึงเรียกมุสลิมที่เข้าไปปกครองสเปนว่ามัวร์ (Moors) โดยเข้าใจว่าเป็นกลุ่มชนผิวคล้ำ ในสภาพความเป็นจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอันดาลุสช่วงเวลาที่มุสลิมปกครอง การพิจารณาจากรูปลักษณ์ภายนอกทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากชนเบอร์เบอร์ภายหลังการรับอิสลามเป็นศาสนาของกลุ่มชน เกิดการผสมผสานระหว่างเผ่าพันธุ์โดยไม่มีการแบ่งแยก ไม่มองว่าผิวสีอะไร เมื่อครั้งกองทัพอัลโมราวิดยกเข้าไปช่วยปกป้องไทฟา (Taifa) จากการรุกของกองทัพคริสเตียนในอันดาลุส กำลังพลจำนวนสองหมื่นนายจึงผสมผสานไปด้วยเบอร์เบอร์หลากสีผิว ทั้งผิวคล้ำ ผิวสีน้ำตาล จำนวนน้อยผิวขาว แม่ทัพคือยูซุฟ อิบนฺ ตัชฟิน เป็นชายรูปร่างสูงโปร่ง ผิวสีน้ำตาลออกคล้ำ ผมหยิกสลวย ไว้เคราดำบาง พูดภาษาอาหรับได้ไม่ดีนักย้อนกลับไปเมื่อครั้งจัดตั้งราชวงศ์ฟาติมิดหรือฟาติมิยะฮฺช่วงศตวรรษที่ 10 พื้นที่ปกครองครอบคลุมชนเบอร์เบอร์หลายเผ่า ต้นศตวรรษที่ 11 ฟาติมิดถอยออกไปสู่อิยิปต์ ทิ้งอัฟริกาเหนือให้เป็นของชนเบอร์เบอร์ ไม่นานนักจึงเกิดราชวงศ์อัลโมราวิดขึ้นกลางศตวรรษที่ 11 จัดตั้งเมืองมาร์ราเกซ (Marrakech) ในโมรอคโคเป็นเมืองหลวง น่าสังเกตว่าประเด็นความขัดแย้งในอาณาจักรมุสลิมไม่ใช่เรื่องภาษา หรือสีผิวหรือแม้กระทั่งศาสนาหลักแต่เป็นรายละเอียดในความเชื่อด้านนิกาย เมื่อปัญหาถูกบ่มเพาะโดยไม่ได้รับการแก้ไข ยิ่งเมื่ออัลโมราวิดเข้าไปรบในอันดาลุสโดยใช้ทหารรับจ้างชาวคริสต์ ยิ่งกลายเป็นประเด็นการตีความทางศาสนา อันกลายเป็นอีกชนวนเหตุหนึ่งที่ทำให้อัลโมราวิดล้มครืนลงหลังปกครองได้ไม่ถึงศตวรรษ กลุ่มที่ขึ้นมาแทนที่คืออัลโมฮัด (Almohad) ที่จัดตั้งรัฐคอลีฟะฮฺขึ้นปกครองทั้งอัฟริกาเหนือ อัฟริกาตะวันตกและอันดาลุสแทนที่อัลโมราวิด #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน, #มุสลิมสเปน