อย่าเพิ่งตาย อยู่ให้ถึง ค.ศ.2030

ใครเขียนใครแปลไม่รู้ ขอแชร์มาใช้ ปรับแต่ง เพิ่มเติมมาให้พวกเราอ่าน นี่คือคำพยากรณ์ในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือ ค.ศ.2030 ตรงกับ พ.ศ.2573 ลองดูว่าอนาคตของโลกรวมทั้งประเทศไทยจะเป็นเช่นไร

ก่อนไปดูอนาคต ดูสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ในปี 1998 Kodak มีคนงาน 170,000 คน ขายรูปกระดาษ 85% ของทั่วโลก เพียงไม่กี่ปีหลังจากนั้นต้องล้มละลาย และปิดตัวลงหลังปี 1998 เพียง 3 ปี เท่านั้น ดิจิตอลมาแทนฟิล์มถ่ายรูป มือถือมาแทนกล้องถ่ายรูป ก่อนหน้านั้นในปี 1975 เริ่มประดิษฐ์ กล้องดิจิตอล ความสามารถถ่ายได้เพียง 10,000 pixels มีข้อติมากมายแต่ได้แก้ไข พัฒนาจนมาแทนที่กล้องระบบเดิมได้หมด สิ่งที่เกิดกับ Kodak และ Polaroid จะเกิดกับหลายอุตสาหกรรมใน 5-10 ปี ข้างหน้า ซึ่งไม่มีใครคาดคิด ต้องเตรียมตัวกันไว้

สิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้คือการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหญ่นับเป็นครั้งที่ 4 ของโลก software ใหม่ๆ จะมาแทนที่ของเดิมๆในทุกอุตสาหกรรม รูปแบบธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปในการปฏิวัติครั้งนี้ อย่างเช่น UBER ไม่มีรถของตัวเองสักคัน แต่วันนี้เป็นบริษัทแท็กซี่ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Airbnb เป็นระบบโรงแรมที่มีห้องให้บริการมากที่สุดในโลกทั้งๆที่ ไม่มีโรงแรมของตัวเอง บริการเดลิเวอรีส่งทุกสินค้าแผ่ขยายเต็มไปหมด ร้านอาหาร ภัตตาคารเริ่มเป็นปัญหา ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าเริ่มอยู่ไม่ได้ ร้านสะดวกซื้อในเมืองยังออกอาการเป๋

ปี 2018 รถยนต์ “ไร้คนขับ” (driverless) ได้ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว ภายในสองสามปีนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ จะเปลี่ยนไปมาก อีกไม่ถึงสิบปี เราไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์ของตนเอง อยากไปไหนก็ใช้มือถือ โทรเรียกรถมารับ แค่นั่งเฉยๆ ไม่ต้องหาที่จอดรถ ไม่ต้องไปทำใบขับขี่ เพียงแค่จ่ายตามระยะทางที่เรียกบริการขณะนั่งรถไป ทำงานในรถก็ยังได้ ระบบ coworking space ทำงานได้ทุกที่ จำนวนรถยนต์จะลดลง 90-95% ที่จอดรถเหลือเฟือ ใช้ทำสวนสาธารณะเขียวๆ งามตาได้อีกหลายแห่ง

ปัจจุบัน คนตายจากอุบัติเหตุรถยนต์ ปีละ 1.2 ล้านคน หรือเฉลี่ย 60,000 ไมล์ต่อคน ต่อไปยุครถยนต์ “ไร้คนขับ” คาดว่า จะเกิดอุบัติเหตุตาย 6 ล้านไมล์ ต่อคน บริษัทผลิตรถยนต์สันดาป จะเจ๊งล้มหายไป บริษัทรถยนต์ไฟฟ้า เช่น Tesla,Apple,Google ซึ่งทำ computer on wheels จะร่ำรวยมหาศาล เมื่ออุบัติเหตุ ทางรถยนต์ลดน้อยลง อนาคตการประกันภัยทางรถยนต์จะซบเซาลง

“Volvo” ปี 2018 เลิกผลิต รถที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์อย่างเดียว เริ่ม ปี 2019 ผลิตเป็นรุ่น hybrid และรถใช้ไฟฟ้าเท่านั้น สองสามปีที่ผ่านมา วิศวกรจาก บ. Audi,Volkswagen ต่างหวาดกลัวการเปิดตัวของ บ.Tesla ที่ผลิตแต่รถไฟฟ้าในอีกไม่เกินสิบปี อุตสาหกรรมรถยนต์จะเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง อู่ซ่อมรถจะหายไป เครื่องยนต์ 2 หมื่นชิ้น จะถูกแทนที่ ด้วยมอเตอร์ 20 ชิ้น การซ่อม เปลี่ยนใช้เวลา 10 นาทีเสร็จ มอเตอร์ที่เสีย จะถูกรวบรวมมาที่ Regional repair shop ใช้ robots ซ่อม เวลาเปลี่ยนมอเตอร์รถไฟฟ้า ขับเข้าศูนย์บริการ แล้วนั่งกินกาแฟแก้วเดียวก็ได้มอเตอร์ใหม่เรียบร้อย ปั้มน้ำมันจะค่อยทยอยปิดตัวลง ตามหัวมุมถนนใหญ่ จะมี electric recharging station เป็นมิเตอร์ไฟฟ้าเก็บตัง บริษัทผลิตรถจะรวมตัวกันสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเด็กที่เกิดใหม่ จะได้เห็นรถเครื่องยนต์ในพิพิธภัณฑ์

การใช้ไฟฟ้าในชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไป เหมืองถ่านหินและบริษัทค้าน้ำมันจะทยอยเล็กลง บ้านเรือนจะผลิตไฟฟ้าใช้เอง ไฟฟ้าที่เกินจะขายให้ grid stores เพื่อขายให้โรงงานที่ใช้ไฟฟ้ามากๆ

ปัจจุบันนี้ Artificial Intelligence (AI) เริ่มถูกนำไปประยุกต์ใช้กับงานด้านสุขภาพ,ระบบอัตโนมัติ,รถยนต์ไฟฟ้า, การศึกษา, รูปสามมิติ, การเกษตรและงานอื่นๆ การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเร็วกว่าอดีตมาก AI จะทำให้เข้าใจเรื่องราว ได้รวดเร็วยกกำลังแบบ exponential คอมพิวเตอร์ได้เป็น the best Go-player เร็วกว่าที่พยากรณ์กัน 10 ปี

สาขาวิชาชีพจะมีปัญหา อย่างเช่นนักกฎหมาย ในสหรัฐ IBM’s Watson เป็น software ให้คำแนะนำ ปัญหาข้อกฎหมายได้ภายในหน่วย “วินาที” และถูกต้อง 90% ซึ่งนักกฎหมายทำได้เพียง 70% เฉลี่ยนักกฎหมายหนุ่มสาว 90% ตกงาน ผู้ที่กำลังเรียนกฎหมายต้องคิดใหม่ อีก 10 ปี จะเหลือแต่ specialist แท้เท่านั้น หรือประมาณ 10% ของนักกฎหมายปัจจุบัน

อาชีพแพทย์ “Watson” ได้ออกโปรแกรม ตรวจหามะเร็ง ได้เร็วและแม่นยำกว่าแพทย์พยาบาล ถึง 4 เท่าตัว “Tricoder”เครื่องมือตรวจวัดสายตา วิเคราะห์เลือด,ลมหายใจว่าสุขภาพยังดีหรือไม่ โดยวิเคราะห์ 54 bio -markers ว่าเป็นโรคอะไร หรือไม่และปัจจุบันก็มี apps บนมือถือมากมาย ที่ให้ข้อมูลด้านสุขภาพ

ด้านสืบสวนสอบสวน “Facebook ” ได้ออกโปรแกรมจำหน้าคน และนำไปใช้กันแล้ว ปี 2030 คาดว่า สมองกลของคอมพิวเตอร์ จะเหนือกว่า สมองมนุษย์หลายเท่า แน่นอน

อสังหาริมทรัพย์จะเปลี่ยนแปลง ในเมื่อการติดต่อสื่อสารทำได้สะดวก การคมนาคมดีขึ้น คอนโดแออัดในเมืองก็จะเปลี่ยนไป เป็นบ้านแนวราบในสถานที่แวดล้อมสวยธรรมชาติ ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าจะถูกใช้อย่างมาก ปี 2030 จะไม่มีเสียงดังรบกวน ปี 2030 เมืองจะสะอาด อากาศบริสุทธิ์ ดีกว่าปัจจุบันมาก พลังไฟฟ้าจะถูกลงและสะอาด Solar production จะเพิ่มขึ้นแบบยกกำลัง exponential บริษัทที่ผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมัน Fossil energy ขณะนี้ พยายามแข่งกับ home solar energy แต่สุดท้าย จะพ่ายแพ้ เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

นับจากนี้ ระบบการศึกษาจะเปลี่ยนแปลงอย่างมาก การศึกษาในรูปแบบ 12 ปี มหาวิทยาลัย 4-6 ปี เรียนกัน 120-150 หน่วยกิตจะถูกผู้เรียนตั้งคำถาม การเรียนรายสะดวก นอกโรงเรียน นอกมหาวิทยาลัยจะเป็นทางเลือก ระบบ Home school และระบบอื่นๆจะผลิตคนคุณภาพเข้าสู่สังคมมากขึ้น

คัดลอก ดัดแปลง แต่งเติมจากบทความ “Welcome to Tomorrow ” 12 มิย. 2562 ขอบคุณผู้เขียนผู้แปลอีกครั้ง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *