เรื่องการกินคิดจะโทษตาให้เป็นแพะก็น่าจะได้ เพราะสัมผัสด้วยตาทำให้ปากต้องกินอาหารมากขึ้น ตัวอย่างง่ายๆคือหากตาเห็นจานเล็ก จะส่งสัญญาณไปยังสมองเพื่อประมวลผล สมองจะสั่งการให้กินอาหารน้อยลง หากใช้จานใหญ่ สมองจะสั่งการให้กินอาหารมากขึ้น ดังนั้นจานเล็กจานใหญ่ที่ตามองเห็น จะมีผลต่อการทำงานของสมอง เรื่องการกินหากคิดจะโทษตาย่อมมีเหตุผล อาหารน้อยๆที่วางในจานเล็กตาจะเห็นว่าพอเหมาะแล้ว หากนำอาหารปริมาณเดียวกันไปใส่ไว้ในจานใหญ่ เมื่อตาเห็นจะสรุปทันทีว่าน้อยเกินไป กินแล้วยังอยากจะแถมอีก ซึ่งนักวิจัยพบว่าอาจทำให้ได้พลังงานเพิ่มขึ้นถึง 30%
ยังมีรายงานวิจัยดีๆที่เกี่ยวข้องกับตาโดยพบว่าหากใช้ตาดูทีวี ปากกินอาหาร ร่างกายอาจได้พลังงานเพิ่มขึ้นถึง 40% เพราะตาบังคับสมองให้ทำงานรับใช้ตาในการดูทีวี ส่วนปากเมื่อไม่มีอะไรบังคับจึงกินอย่างอิสระ วิธีการกินก็เป็นประเด็นอย่างเช่นจัดอาหารทุกอย่างที่จะกินมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมๆกัน ลักษณะเดียวกับการกินอาหารไทย กับอีกวิธีหนึ่งคือกินแบบอาหารจีน โดยนำมาตั้งทีละจาน แบบแรกตาเห็นและประมวลปริมาณได้ขณะที่แบบหลังตาจะประมวลปริมาณได้ยากกว่า นักวิจัยพบว่าการกินแบบอาหารไทยจะทำให้กินน้อยกว่าแบบอาหารจีน 14% ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะการประมวลผลผ่านการเห็นของตานั่นเอง
กรณีที่มีปัญหาตาบอด แพะรับบาปอาจย้ายไปที่จมูก หู หรือการสัมผัสด้วยผิวหนัง เรื่องของการกินจึงไม่ได้มีเพียงปากเท่านั้นที่เกี่ยวข้อง ยังมีอีกสารพัดอวัยวะทั้งสมอง กระเพาะ ตา หู จมูก ผิวหนังที่จำเป็นต้องรับผิดชอบร่วมกัน สรุปแล้วเรื่องของโรคอ้วน หากจะหาแพะรับบาป สิ่งที่สมควรถูกกล่าวโทษมากที่สุดคือตนเอง อย่าคิดไปหาแพะอื่นให้เสียเวลาเลย