วันนี้เป็นวันที่สามที่ทีม ศวฮ.ของเราเข้ามาอยู่ใน “คาซักสถาน” (Kazakhstan) ประเทศในเอเชียกลางที่ไม่มีทางออกทะเล (land-locked) เป็นประเทศที่อยู่ภายใต้การปกครองที่เข้มงวดของสหภาพโซเวียตมานาน 74 ปีกระทั่งได้รับอิสรภาพเมื่อปลาย ค.ศ.1991 หรือเมื่อกว่าสามสิบปีมาแล้ว มีรัฐธรรมนูญของตนเองเมื่อ ค.ศ.1995 ประเทศนี้จึงรู้จักการปกครองตนเองนานเกือบสามสิบปี หากจะนับเมื่อครั้งคาซักสถานเป็นอิสระจริง ๆ ต้องย้อนเวลากลับไปถึง ค.ศ.1465 โน่น หรือเมื่อกว่าห้าร้อยปีมาแล้ว หลังจากนั้นตกเป็นสาธารณรัฐภายใต้การอารักขาของจักรวรรดิรัสเซียแทบตลอดเวลา คาซักสถานจึงนับเป็นประเทศเกิดใหม่ เดินไปตามถนนหนทางไม่ต่างจากเดินอยู่ในรัฐยุคสหภาพโซเวียต อาคารและสถาปัตยกรรมมากมายยกเว้นอาคารใหม่มีกลิ่นอายของความเป็นสหภาพโซเวียตอยู่มาก ทว่าประเทศใหม่แห่งนี้กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รถราหนาแน่นบนถนนล้วนมาจากประเทศตะวันตกและประเทศเสรีทั้งนั้น ไม่เห็นรถจากรัสเซียหรือจากอดีตประเทศคอมมิวนิสต์ รถจากจีนก็ยังแทบไม่เห็น
ในบรรดา 15 ประเทศที่แตกออกมาจากสหภาพโซเวียต หากไม่นับสาธารณรัฐรัสเซีย ต้องนับว่าคาซักสถานมีขนาดใหญ่ที่สุดโดยมีพื้นที่มากถึง 2.7 ล้านตารางกิโลเมตรหรือใหญ่กว่าประเทศไทย 5 เท่า แต่มีประชากรเพียง 20 ล้านคน เมืองหลวงชื่ออัสทานา (Astana) ซึ่งเป็นเมืองค่อนข้างใหม่ เมืองใหญ่ที่สุดมีประชากรประมาณสองล้านคนคือเมืองอัลมาตี (Almaty) ที่เคยเป็นเมืองหลวงเก่า เป็นเมืองที่พวกเรายกทีมมาเยี่ยมเยียนครั้งนี้เพราะถือเป็นเมืองทางการค้าและธุรกิจ รถราหนาแน่น ติดขัดไม่น้อยหน้ากรุงเทพฯของเราสักเท่าไหร่ อัลมาตีอยู่ใกล้ชายแดนทางใต้ ไม่ห่างจากประเทศคีรจิสถาน จากอัลมาตีไปอุลุมชี (Ulumqi) ซึ่งเป็นเมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียงของจีน ระยะทางประมาณ 400 กว่ากิโลเมตร ต้องขับรถไต่เขาลงเขาใช้เวลา 11 ชั่วโมง ไม่ไกลแต่ก็ไม่ใกล้
เห็นสภาพบ้านเมืองอัลมาตีรวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่ ทั้งสภาพอากาศ ไม่ต่างจากหลายประเทศในยุโรป เป็นบ้านเมืองที่ทันสมัย รายได้ต่อหัวประชากรสูงถึง 15,000 เหรียญสหรัฐต่อปีมากกว่าประเทศไทยเกือบสองเท่า เกือบเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ถือเป็นประเทศที่เจริญที่สุดในหมู่ประเทศเอเชียกลางทั้งหมด ประชากรที่นี่ 71% เป็นชนคาซัก 15% เป็นรัสเซีย เกือบ 70% เป็นมุสลิมสายสุนหนี่ โดยชาวรัสเซียส่วนใหญ่นับถือคริสต์ออโธดอก แต่ถึงแม้เป็นบ้านเมืองมุสลิม ทว่าความที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของโซเวียตเนิ่นนาน ยุคสมัยโซเวียตห้ามการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา มุสลิมในคาซักสถานจึงไม่ต่างจากคริสต์ในยุโรปที่การปกครองแยกศาสนาออกจากชีวิตประจำวันหรือที่เรียกว่าเซอคิวล่าร์ รู้ว่าเป็นมุสลิมจากการทักทาย การไม่บริโภคเนื้อหมู เพียงเท่านั้น อย่างไรก็ตามวิถีชีวิตแบบอิสลามดูค่อย ๆ ซึมผ่านเข้าไปทีละน้อย มีหญิงคลุมหิญาบมากขึ้นแม้ไม่มากนัก
ความที่คนส่วนใหญ่เป็นชนคาซักซึ่งเป็นเชื้อสายเติร์ก (Turqic) มีพื้นเพมาจากทางมองโกเลียและเกาหลีทางเหนือ ผู้คนจึงมีหน้าตาออกไปทางจีนเป็นส่วนใหญ่ หากมีเชื้อสายรัสเซียหน้าตาจะออกไปทางฝรั่ง ผู้คนที่นี่ต่างเชื้อสายใช้ชีวิตร่วมกันชนิดไม่มีปัญหา ปัญหาทางการเมืองมีไม่มากนัก หากมีเมื่อไหร่ ทางรัสเซียก็มักเข้ามาขัดขวาง เพราะรัสเซียไม่อยากเห็นชาติตะวันตกเข้ามาสร้างอิทธิพลในดินแดนที่ตนเคยปกครองมาก่อน ไม่อยากให้มีปัญหาอย่างยุโรปตะวันออกโดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่างยูเครนให้ต้องเจ็บกระดองใจอีกครั้ง
#ดรวินัยดะห์ลัน, #drwinaidahlan, #คาซักสถาน, #อัลมาตี