ภาพที่เสนอไม่ใช่พิธีวิวาห์จริงแต่เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของการวิวาห์ระหว่างศาสตราจารย์ นายแพทย์เทพ หิมะทองคำ กับคุณจิตราภา หิมะทองคำ พิธีจริงเกิดในบอสตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ส่วนภาพนี้เป็นการจำลองเหตุการณ์ เกิดเมื่อวานนี้เอง 12 ธันวาคม 2563 ที่ฮอลล์ชั้น 17 โรงพยาบาลเทพธารินทร์ ถนนพระราม 4 อยู่กินกันมานานขนาดนี้ มีบุตรธิดา 3 คนที่แต่งงานมีหลานให้ปู่ย่าตายายได้ชื่นใจ ประสบความสำเร็จในชีวิตทุกคน อาจารย์เทพกับพี่จูดี้ตามที่ผมเรียกนับว่ามีความสุขมากที่สุดแล้ว แต่ในวัยเกินเจ็ดสิบปีของทั้งคู่ ท่านยังกระฉับกระเฉงทำงานสร้างประโยชน์ให้กับสังคมไม่ยอมเลิกรา ช่างน่ายกย่องยิ่งนักอาจารย์หมอเทพคือหนึ่งในเจ้านายที่ดีที่สุดของผม แรกเมื่อรู้จักท่าน ผมทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีในหน่วยโภชนาการ ส่วนท่านเป็นหัวหน้าคลินิกต่อมไร้ท่อ พบกันได้ไม่นานนัก ผมก็หายไปอยู่ต่างประเทศหลายปี กลับมาเมืองไทย ผมย้ายจากรามาธิบดีไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง มีภาระต้องผ่อนบ้านผ่อนรถจำเป็นต้องหารายได้พิเศษจึงต้องทำงานช่วงเย็น เพื่อนร่วมงานที่รามาธิบดีคือศาสตราจารย์ นายแพทย์สุรัตน์ โคมินทร์ แนะนำให้ผมไปพบอาจารย์หมอเทพ เวลานั้นท่านลาออกจากรามาธิบดีไปเปิดโรงพยาบาลเทพธารินทร์หลายปีแล้วอาจารย์หมอเทพอายุมากกว่าผมหลายปี ผมไปพบท่านไม่คาดคิดว่าท่านจะรับผมเข้าทำงานง่ายๆ ท่านถามผมว่าเวลานี้ได้เงินเดือนเท่าไหร่สิ่งที่ท่านเสนอคือทางเทพธารินทร์ให้เงินพิเศษรายเดือนเท่ากัน สรุปว่าผมมีรายได้เพิ่มเป็นสองเท่า มีชีวิตรอดไปได้กับชีวิตราชการชนิดแทบไม่น่าเชื่อ ผมทุ่มเททำงานให้โรงพยาบาลเทพธารินทร์สารพัด เป็นทั้งนักคิด นักเขียน นักวาดภาพ นักเทคนิคการแพทย์ นักโภชนาการ วิทยากรโดยทำงานภายใต้อาจารย์ธิดา นิงสานนท์ น้องสาวของท่าน ไม่น่าเชื่อว่าอยู่กับอาจารย์หมอเทพนานถึงสิบปี ผ่านร้อนผ่านหนาวกับเทพธารินทร์ไม่น้อย อย่างช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง โรงพยาบาลถึงขนาดซวนเซ หนี้สินจากการกู้ต่างประเทศเพื่อขยายกิจการเพิ่มขึ้นปัจจุบันทันด่วนนับร้อยล้านบาท อาจารย์เทพรักษาพนักงานทั้งหมดไว้โดยตัดสินใจลดเงินเดือนฝ่ายบริหารทุกคนรวมทั้งตัวผม เราฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน ทำงานหนักมากขึ้น รับค่าตอบแทนน้อยลง แล้วเราก็รอดด้วยศักยภาพเต็มเปี่ยมของพนักงานกับวิสัยทัศน์และความเป็นนักสู้ของเจ้าของกิจการอย่างอาจารย์หมอเทพหน้าที่รับผิดชอบในราชการของผมมีมากขึ้น กระทั่งก้าวขึ้นเป็นคณบดี คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยิ่งวันงานยิ่งหนัก วันหนึ่งผมรวบรวมกำลังใจไปบอกกับอาจารย์หมอเทพว่าขอหยุดงานกับทางเทพธารินทร์เพราะหาเวลาว่างช่วงเย็นไม่ได้อีกแล้ว ท่านอวยพรผมขอให้มีชีวิตที่รุ่งเรืองต่อไปซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น ท่านเป็นเจ้านายที่ดีที่สุดคนหนึ่งสำหรับผม โดยท่านปฏิบัติกับผมเหมือนเพื่อนมาโดยตลอด “A friend in need is a friend indeed” เพื่อนยามทุกข์ยากย่อมเป็นเพื่อนแท้ ผมพูดผมคิดกับท่านเช่นนั้น เป็นบุญคุณที่ยากจะลืมเลือนดีใจเสมอที่รู้จักท่าน เป็นวันเวลาที่มีค่าทุกครั้งที่ได้พูดคุยกัน อาจารย์เทพสอนผมเรื่องจิตอาสา ท่านเปิดมูลนิธิทำตนเป็นผู้เสียสละทำงานทุ่มเทแก่สังคมที่เรียกว่า Philanthropist ผมเดินตามแนวทางของท่าน มาวันนี้ผมเปิด “มูลนิธิมุฮัมมะดียะฮฺ (เอร์ฟาน-ยุพา ดะห์ลัน อนุสรณ์)” สร้างกิจกรรมด้านการศึกษา จัดซื้อที่ดินและสร้างอาคาร ระดมทีมงานคาดว่าจะเริ่มกิจกรรมแรกได้ภายในปีหน้า อบอุ่นเสมอเมื่อเดินตามรอยเท้าอาจารย์หมอเทพ ตั้งใจอุทิศตนเองให้กับศาสนาและสังคมในบั้นปลายชีวิต ขอบคุณอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่ทรงให้ผมได้พบได้รู้จักได้ทำงานได้เรียนรู้จากคนดีเช่นอาจารย์หมอเทพ หิมะทองคำ เป็นประสบการณ์ชีวิตที่จะจดจำไว้ ไม่มีวันลืม