คำถามง่าย ๆ แต่ผู้คนมักตอบผิด นั่นคือออกกำลังกายช่วงไหนของวัน เช้า-เที่ยง-เย็น-ค่ำ จึงดีที่สุดเรียงตามลำดับจากมากไปน้อย ผมเองร่ำเรียนมาทางด้านนี้ทั้งเคยเป็นที่ปรึกษาด้านการกีฬามาแล้วยังตอบผิด คำตอบมักเป็นว่า เย็น-เช้า-ค่ำ-เที่ยง ทว่าผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการการกีฬาระดับโลกกลับตอบว่าช่วงเวลาดีที่สุดสำหรับการออกกำลังกายเรียงตามลำดับมากไปน้อย คือ ค่ำ-เที่ยง-เย็น-เช้า กลายเป็นอย่างนั้น
การออกกำลังกายช่วงค่ำกลายเป็นดีที่สุด โดยพักหลังอาหารเย็นรอจนค่ำจึงค่อยออกกำลังกายที่ไม่หนักนักเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่อินสุลินมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการทำงานกลับด้าน เปลี่ยนแป้งมากกว่าร้อยละ 60 ให้สะสมเป็นไขมันแทนที่จะเปลี่ยนเป็นพลังงาน สิ่งนี้เป็นเหตุผลว่าเหตุใดการกินอาหารตอนค่ำมักทำให้อ้วน จึงต้องยับยั้งกลไกการออกฤทธิ์ของอินสุลินด้วยการออกกำลังกายเบา ๆ ช่วงค่ำหรือช่วงดึก ช่วงที่ดีเป็นอันดับต่อมาคือเที่ยง โดยหลังอาหารเที่ยง ทิ้งเวลาไว้สักพักให้อาหารย่อยไปสักหน่อย ช่วงนี้อินสุลินมีประสิทธิภาพสูงสุดในการเปลี่ยนแป้งเป็นพลังงาน ทว่ายังออกฤทธิ์เปลี่ยนแป้งร้อยละ 30 ให้เป็นไขมันเพื่อสะสม หากได้ออกกำลังกายที่ไม่หนักนัก พลังงานที่จะสะสมย่อมถูกผลักให้สลายเพิ่มเติมเป็นพลังงาน
อันดับสามคือการออกกำลังกายช่วงเย็นก่อนอาหารเพื่อลดการออกฤทธิ์ของอินสุลินในเรื่องการสะสมไขมันและเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ยืดตัว อันดับสุดท้ายคือช่วงเช้าเนื่องจากอดอาหารมาทั้งคืน การออกกำลังกายช่วงเช้ามากเกินไปร่างกายจะโทรมเสียเปล่า ๆ เมื่อทราบเหตุผลของคำตอบที่ถูกต้องในแต่ละช่วงเวลาแล้ว คำถามต่อมาคือเรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกับท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม (ศ็อลฯ) อย่างไร ขอบอกใบ้ก่อนว่าเรื่องการออกกำลังกายทำให้เห็นอีกด้านหนึ่งของความมหัศจรรย์ในอิสลามผ่านจริยวัตรของท่านนบีมุฮัมมัดซึ่งสอดคล้องกับคำอธิบายข้างต้น การละหมาดเกี่ยวข้องกับกลไกการทำงานของอินสุลินได้อย่างไม่น่าเชื่อ
จากบันทึกหะดิษ ท่านนบีมุฮัมมัดหรือท่านรอซูลุลลอฮฺ (ศ็อลฯ) ละหมาดวันละ 50 รอกะอัต เป็นการละหมาดฟัรฎู 17 รอกะอัต ละหมาดสุนัตหรือสุนนะฮฺรอวาติบ 12 รอกะอัต สุนนะฮฺอันนัฟลฺ 21 รอกะอัต เมื่อพิจารณาแต่ละช่วงเวลาท่านนบีละหมาดทั้งฟัรฎูและสุนนะฮฺรวมกันช่วงค่ำ 24 รอกะอัต ช่วงเที่ยง 10 รอกะอัต ช่วงเย็น 8 รอกะอัต ช่วงเช้า 8 รอกะอัต รวมทั้งวัน 50 รอกะอัต เรียงลำดับได้ดังนี้ ค่ำ 24 – เที่ยง 10 – เย็น 8 – เช้า 8 แม้ท่านมิได้ปฏิบัติเช่นนี้ทุกวันทว่าโดยส่วนใหญ่ท่านนบีได้ถือปฏิบัติเป็นจริยวัตร การละหมาดของท่านนบีจึงเป็นเสมือนการออกกำลังกายเบา ๆ โดยช่วงเวลาของวันที่ท่านปฏิบัติช่วยเบนทิศทางกลไกการออกฤทธิ์ของอินสุลินนำไปสู่ผลดีต่อสุขภาพในภาพรวม เพิ่มการสร้างพลังงานและลดการสะสมไขมัน โดยสรุปคือการละหมาดตามแนวทางท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ช่วยส่งเสริมสุขภาพได้มากสอดคล้องกับแนวทางโภชนาการการออกกำลังกายตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำไว้พอดิบพอดี (ดูภาพประกอบ)
#ดรวินัยดะห์ลัน, #drwinaidahlan, #การละหมาด, #นบีมุฮัมมัด, #การละหมาดกับอินสุลิน, #การละหมาดกับสุขภาพ