ผมไปซาอุดีอาระเบียหลายครั้งแต่ไม่เคยแวะไปริยาฎซึ่งเป็นเมืองหลวง เมืองนี้ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ ห่างจากนครมักกะฮฺทางรถยนต์ 866 กิโลเมตรไปทางตะวันออก พอๆกับระยะทางจากกรุงเทพฯไปอำเภอแม่สาย แต่ขับรถสะดวกกว่าเนื่องจากพื้นที่เป็นทะเลทรายริยาฎเป็นเมืองเก่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับเมืองอื่น ชุมชนในอาระเบียมีความเป็นมาเกินสองพันปีแล้ว ส่วนริยาฎเป็นเมืองมาได้เพียง 500 ปี ศูนย์กลางของอาระเบียอยู่ทางฝั่งทะเลแดงด้านตะวันตก ทางตอนกลางของคาบสมุทรอาระเบียในอดีตเป็นที่อยู่ของชนเผ่าทะเลทรายนับเป็นร้อยเผ่า เมื่อจักรวรรดิอุสมานียะฮฺหรือออตโตมันแผ่อำนาจเข้ามาปกครองอาระเบียหลายร้อยปีมาแล้ว ชนอาหรับหลักๆที่ต่อต้านชนเติร์กก็คือชนเผ่าเบดูอินกลางทะเลทราย ศูนย์กลางของชนเผ่าทะเลทรายคือริยาฎนี่เอง และหัวหน้าชนเผ่าที่ทรงอำนาจมากที่สุดกระทั่งกลายมาเป็นราชวงศ์ปกครองอาระเบียคืออัลสะอูด ประเทศที่ถือกำเนิดขึ้นหลังการล่มสลายของจักรวรรดิอุสมานียะฮฺคือ ซาอุดีอาระเบีย ตั้งชื่อตามราชวงศ์อัลสะอูดที่บอกริยาฎวันนี้เป็นเมืองใหญ่ทันสมัย ประชากรเกือบ 8 ล้านคน กับรถยนต์จดทะเบียน 4.8 ล้านคัน คนกรุงเทพฯบ่นเรื่องปัญหาการจราจรเมืองกรุง ลองไปฝ่าการจราจรช่วงชั่วโมงเร่งด่วนในริยาฎดูบ้างคงเลิกบ่น รถราติดขัดไม่ต่างจากกรุงเทพฯ แม้จะมีถนนกว้างขวาง ตึกรามทันสมัยเป็นระเบียบ แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องการจราจรสักเท่าไหร่ คนต่างชาติชื่นชมกรุงเทพฯที่แม้การจราจรคับคั่งทว่าไม่ค่อยได้ยินเสียงแตรมากนัก ผิดกับเมืองใหญ่ในประเทศอื่นๆ หากไปที่ริยาฎก็คงไม่ต่างจากกรุงเทพฯนั่นคือได้ยินเสียงแตรจากความคับคั่งของจราจรค่อนข้างน้อย น้อยกว่ากรุงเทพฯเสียด้วยซ้ำซาอุดีอาระเบียในยุคของ MBS มกุฎราชกุมารองค์ปัจจุบันปรับเปลี่ยนกฎหมายไปมาก สตรีมีสิทธิมากขึ้น แต่ก่อนห้ามขับรถ เวลานี้ขับรถได้แล้ว ทว่าพยายามมองหารถคับคั่งบนถนนที่สตรีเป็นผู้ขับ ยังหาไม่เจอเลย มีคนเล่าให้ฟังว่าสตรีซาอุดีเวลานี้คลุมหิญาบน้อยลง ผมลองเที่ยวเดินบนถนนในริยาฎยังหาสตรีที่ไม่คลุมหิญาบแทบไม่ได้ อีกส่วนหนึ่งที่ต่างจากบ้านเราเมืองไทยคือจำนวนเด็กบนถนน ขณะที่เมืองไทยประชากรกำลังลดลงจนเจอจำนวนเด็กได้น้อย ประชากรซาอุดีกลับเพิ่มขึ้น บ้านเมืองมีแต่เด็กมีแต่คนหนุ่มสาวช่างสวนทางกับสภาพบ้านเราจริงๆ #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน, #ริยาฎ