#มุสลิมไทยกับการสร้างอนาคตประเทศไทย

เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 ผมได้รับเชิญไปเป็นประธานเปิดงานครอบครัวสัมพันธ์มัสยิดดารุสสะอาดะห์ ตั้งอยู่ริมคลองสี่ ถนนไมตรีจิต ซอย 24 แยกถนนนิมิตใหม่ เขตคลองสามวาของกรุงเทพฯ รู้กันดีว่าพื้นที่กรุงเทพฯรอบนอก มีมุสลิมอาศัยอยู่หนาแน่น มัสยิดเต็มไปหมด มุสลิมที่อาศัยในพื้นที่ส่วนใหญ่มีบรรพบุรุษที่ถูกนำมาจากหลายหัวเมืองในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง บ้านผมในเขตสวนหลวงซึ่งเป็นกรุงเทพฯชั้นกลางยังมีชุมชนมุสลิมเก่าแก่ที่มีบรรพบุรุษมาจากปัตตานีและกลันตัน สถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองข้างบ้านผมจึงชื่อสถานีกลันตันตามชื่อคลองที่ขุดโดยมุสลิมจากกลันตันเมื่อนานนับร้อยปีมาแล้ว

ชุมชนมัสยิดดารุสสะอาดะห์มีบรรพบุรุษอพยพมาจากเมืองสตูล กล่าวกันว่าเป็นเก้าพี่น้องที่ทัพสยามไปกวาดต้อนมาจากสตูล เป็นราษฎรนี่เองที่นับเป็นทรัพย์สินสงครามสำคัญ ทำศึกได้ชัยชนะแล้วจึงนำราษฎรกลับมาช่วยสร้างบ้านแปลงเมืองในพื้นที่ส่วนกลาง เป็นการลดกำลังพลของข้าศึกพร้อมกันไปด้วย ผ่านมาสองร้อยปี ลูกหลานมุสลิมที่อาศัยกันในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นนอกรวมถึงชั้นกลางจึงอู้ฟู่ไปด้วยที่ดินที่เป็นทรัพย์สินราคาแพง อย่างอิหม่ามวุฒิ ฐิตะลักขณะ แห่งมัสยิดดารุสสะอาดะห์ มีที่ดินนับสิบไร่ในพื้นที่คลองสามวา คลองมากมายที่อยู่ในพื้นที่ด้านนอกกรุงเทพฯล้วนเป็นคลองยุทธศาสตร์ใช้ในการเดินทัพยุคเก่า หลายคลองขุดเพื่อเป็นพื้นที่เกษตรกรรม มุสลิมจากภาคใต้ตอนล่างเป็นผู้ขุดแทบทั้งนั้น

ชุมชนมุสลิมในกรุงเทพฯหรือแม้กระทั่งจังหวัดอื่นนิยมจัดงานน้ำชาหารายได้เพื่อใช้ในกิจการของมัสยิดหรือโรงเรียนสอนศาสนา งานจัดเวลากลางคืนวันสุดสัปดาห์ ไม่มีมหรสพอะไรนอกจากการแข่งขันตอบปัญหาศาสนา การร้องเพลงอัลนาซีดที่ปลอดเครื่องดนตรี การอภิปรายโดยผู้ทรงคุณวุฒิ มีผู้คนเข้าร่วมค่อนข้างมากทั้งคนในพื้นที่และต่างพื้นที่ นอกจากนั้นเป็นการตั้งโต๊ะรับบริจาค บางมัสยิดที่เป็นชุมชนใหญ่หน่อย การหารายได้ลักษณะนี้อาจได้เงินนับล้านเพื่อใช้เป็นเงินเดือนครูสอนศาสนาภาคกลางคืน บ้างใช้เป็นค่าสาธารณูปโภคของมัสยิดและโรงเรียน บางแห่งเพื่อจัดหารายได้ต่อเติมมัสยิดบ้าง โรงเรียนบ้าง วันเวลาผ่านไป เทคโนโลยีเปลี่ยนไป งานประเพณีของมัสยิดและชุมชนลักษณะนี้ไม่เคยเปลี่ยน เคยเป็นอย่างไรก็เป็นอยู่อย่างนั้น

ผมใช้เวลาบรรยายครึ่งชั่วโมงกล่าวถึงความสำคัญของการศึกษาสายสามัญ ชุมชนมุสลิมมักไม่มีปัญหาด้านประชากรลดเหมือนชุมชนอื่นจึงอาจต้องทำหน้าที่พัฒนาสังคมไทยในอนาคตที่ใกล้มีปัญหาขาดประชากรรุนแรง ในอดีตกองทัพสยามใช้วิธีกวาดต้อนราษฎรจากหัวเมืองเข้ามาช่วยพัฒนารัฐทางตอนกลาง วันเวลาผ่านมาสองร้อยปี สถานการณ์ขาดแคลนประชากรยังไม่มีทีท่าจะบรรเทาจำเป็นต้องใช้ราษฎรของชาติอื่นอย่างพม่าบ้าง ลาวบ้าง เขมรบ้างและอีกหลายชาติเข้ามาช่วยพัฒนาประเทศ คนเหล่านั้นเป็นชนต่างชาติ กรณีมุสลิมไทยอย่าได้ห่วงว่าบรรพบุรุษของเขาจะเป็นใคร จิตสำนึกในวันนี้ของพวกเขาคือความเป็นคนไทยแท้ รักบ้านเมืองไทย ผมปลุกสติเตือนใจพวกเขาบ่อยครั้งว่าสังคมไทยต้องการคนอย่างพวกเขาให้เข้ามาช่วยพัฒนาบ้านเมือง เป็นหนูที่ต้องทำหน้าที่ช่วยราชสีห์ว่ากันอย่างนั้น #drwinaidahlan#ดรวินัยดะห์ลัน#มุสลิมไทย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *