คัมภีร์อัลกุรอ่านถูกประทานลงมาตลอดระยะเวลา 23 ปีของการเผยแผ่อิสลามของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม (ศ็อลฯ) กระทั่งถึง ฮ.ศ.10 ตรงกับ ค.ศ.632 ท่านนบีเดินทางจากมะดีนะฮฺไปทำฮัจญฺครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของท่านที่มักกะฮฺ นักประวัติศาสตร์เรียกฮัจญฺครั้งนั้นว่า “ฮัจญฺอำลา” หรือฮัจญะตุลวะดาอฺ โดยในปีนั้น วันที่ 9 เดือนซุลฮิจยะฮฺซึ่งเป็นวันอะรอฟะฮฺของพิธีฮัจญฺตรงกับวันศุกร์ ภายหลังท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เทศนาธรรม คุฏบะฮฺอันมีชื่อเสียงและเสร็จสิ้นการละหมาดญุมอะฮฺ ท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) นั่งพักผ่อนข้างอูฐใต้ต้นอินทผาลัม ทันใดนั้นได้มีวะฮฺยูลงมาถึงท่านใจความว่า
“ได้ถูกห้ามแก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งสัตว์ที่ตายเองและเลือด และเนื้อสุกร และสัตว์ที่ถูกเปล่งนามอื่นนอกจากอัลลอฮฺที่มัน (ขณะเชือด) และสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และสัตว์ที่ถูกตีตาย และสัตว์ที่ตกเหวตาย และสัตว์ที่ถูกขวิดตาย (ถูกชนตาย) และสัตว์ที่สัตว์ร้ายกัดกิน นอกจากที่พวกเจ้าเชือดทัน (ยังมีชีวิตอยู่ขณะที่เชือด) และสัตว์ที่ถูกเชือดบนแท่นหินบูชา และการที่พวกเจ้าเสี่ยงทายด้วยไม้ติ้ว เหล่านั้นเป็นการละเมิด วันนี้บรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธาหมดหวังในศาสนาของพวกเจ้าแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่ากลัวพวกเขา และจงกลัวข้า (อัลลอฮฺ) เถิด วันนี้ข้าได้ให้ความสมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้วซึ่งศาสนาของพวกเจ้าและข้าได้ให้ความครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้วซึ่งความเมตตากรุณาของข้า และข้าได้เลือกอิสลามให้เป็นศาสนาแก่พวกเจ้าแล้ว ผู้ใดได้รับความคับขันในความหิวโหยโดยมิใช่เป็นผู้จงใจกระทำบาปแล้วไซร้ แน่นอนอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ” อัลกุรอ่าน อัลมาอิดะฮฺ 5:3
วะฮฺยูข้างต้น เรื่องราวของหะรอมถูกกำหนดถึงระดับรายละเอียด เวลานั้นมีศอฮาบะฮฺหลายท่านนั่งร่วมอยู่ด้วย หนึ่งในนั้นคือท่านอุมัร อิบนุคอฏฏอบ รอฎิยัลลอฮุอันฮฺ เมื่อถึงถ้อยความที่ว่า “วันนี้ข้า (อัลลอฮฺ) ได้ให้ความสมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้วซึ่งศาสนาของพวกเจ้า และข้าได้ให้ความครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้วซึ่งความเมตตากรุณาของข้า และข้าได้เลือกอิสลามให้เป็นศาสนาแก่พวกเจ้าแล้ว” ท่านอุมัรถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยตระหนักว่าถ้อยความของอัลลอฮฺ (ศุบฮาฯ) ในวันที่สำคัญที่สุดเช่นนั้นเป็นเสมือนสัญญาณกล่าวเตือนให้ตระหนักว่านับจากนี้ไม่นานนัก ท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) จะไม่อยู่ร่วมกับบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายแล้ว
เหตุการณ์เป็นเช่นนั้นจริง หลังพิธีฮัจญฺเดือนซุลฮิจยะฮฺเสร็จสิ้น ท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เดินทางออกจากมักกะฮฺกลับสู่มะดีนะฮฺ ท่านซึ่งมีสุขภาพปกติมาโดยตลอดก็ล้มป่วยลง วันเวลานับจากฮัจญฺอำลาผ่านไป 93 วัน ในวัย 63 ปี ท่านนบีได้กลับคืนสู่ความเมตตาของอัลลอฮฺ (ศุบฮาฯ) ในวันที่ 12 เดือนรอบีอุลเอาวัล ฮ.ศ.11 ตรงกับวันจันทร์วันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 632 ท่ามกลางความโศกเศร้าของมวลมุสลิมทุกคน มองย้อนกลับไปที่การมาของ “อัลมาอิดะฮฺ 5:3” ดำรัสนี้บ่งชี้ถึงความสำคัญของฮาลาล-หะรอม ส่วนจะสัมพันธ์กับความสมบูรณ์ของอิสลามมากน้อยเพียงใด คำตอบที่ถูกต้องมีเพียงอัลลอฮฺที่ทรงรู้ “วัลลอฮุอะอฺลัม บิศเศาะวาบ”
#ดรวินัยดะห์ลัน, #drwinaidahlan, #ฮาลาลหะรอมกับความสมบูรณ์ของอิสลาม