ผมเป็นคนชอบเรื่องราวสอนใจ เป็นเรื่องในวัฒนธรรมอิสลามบ้าง วัฒนธรรมอื่นบ้าง อย่างเช่นเรื่องของเซ็น มีเรื่องเล่าอยู่ว่าครั้งหนึ่งมีหญิงคนหนึ่งมาพบอาจารย์เซ็นโดยระบายปัญหาของตนให้อาจารย์ฟัง
เธอเล่าว่าหลายปีก่อนสมัยเธอเป็นสาวแรกรุ่นเธอได้แต่งงานกับสามีที่อายุห่างกันประมาณ 10 ปีในเวลานั้น เธอเห็นว่าสามีของเธอยิ่งใหญ่น่าเลื่อมใสเหลือเกิน เธอจึงชื่นชม และยกย่องสามีของเธอมาก
ทว่าหลังจากอยู่กินกันมาหลายปี เธอรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนแปลงไป กระทั่งไม่เหลือความอลังการ น่าเกรงขาม อีกต่อไป ความน่าสนใจไม่มีเหลือเหมือนเมื่อครั้งในอดีต เธอถามอาจารย์เซ็นว่าเป็นเพราะเหตุใดหรือการแต่งงานคือสุสานของความรัก เป็นเช่นนั้นใช่หรือเปล่า
“ตามอาจารย์มา” อาจารย์เซ็นบอกกับหญิงจากนั้นอาจารย์พาเธอมายืนอยู่หน้าภูเขาลูกหนึ่ง แล้วถามเธอว่าภูเขาลูกนี้เป็นอย่างไรบ้าง “ช่างสูงใหญ่ตระหง่านตระการตา และสวยงามเป็นที่สุด” เธอบอกกับอาจารย์เซ็นอย่างนั้น
“ดีละ งั้นตามอาจารย์ขึ้นเขากันเถอะ” ทั้งสองพากันเดินขึ้นเขา สูงขึ้นไปเรื่อย โดยไม่ได้พูดคุยกัน หญิงคนนั้นออกอาการเหนื่อยและอ่อนล้าอีกทั้งทางเดินมีลักษณะขรุขระ เธอเริ่มบ่นออดแอดตลอดเส้นทางกระทั่งถึงยอดเขา อาจารย์เซ็นจึงบอกเธอว่า “นี่คือภูเขาที่เธอเห็นจากด้านล่าง เอาเข้าจริงภูเขาลูกนี้ไม่สวยเลย ทางเดินมีแต่หิน ต้นไม้เองก็ไม่สวย ดูๆแล้ว ภูเขาลูกโน้น สวยกว่าซะอีก” อาจารย์เซ็นชี้ให้ดูภูเขาอีกลูกหนึ่ง หญิงสาวหอบเหนื่อยพยักหน้ารับ
“ตอนแรกรักกัน ก็เหมือนมองภูเขาจากที่ไกล ในสายตามีแต่ความชื่นชมเลื่อมใสเมื่อแต่งงานแล้วก็เหมือนการขึ้นเขา สิ่งที่เธอได้เห็นคือความปกติธรรมดาของกันและกัน กระทั่งขึ้นถึงยอดเขาแล้ว สายตาของเธอก็เห็นแต่ภูเขาลูกอื่นที่ตระการตากว่า มองไม่เห็นภูเขาลูกเดิมสวยงามอีกต่อไป”
“ที่จริงแล้วภูเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแต่เป็นเธอต่างหากที่เปลี่ยน เพราะใจเธอเปลี่ยน ประสบการณ์เธอเปลี่ยน แววตาของเธอจึงเปลี่ยนไป เมื่อหมดซึ่งความชื่นชมเสียแล้ว ภูเขาก็หมดความยิ่งใหญ่ ไม่สวยงามอีกต่อไป เธอปรักปรำพร่ำบ่นมากเท่าใดความเสียหายที่มีต่อตัวเธอก็มีมากขึ้นเท่านั้น”
“เป็นเพราะอยู่บนภูเขาลูกนี้เธอจึงสามารถเห็นไปได้ไกลถึงภูเขาลูกอื่น ได้เห็นทิวทัศน์สวยงามด้านล่าง เธอจึงควรสำนึกบุญคุณ มืใช่ปรักปรำพร่ำบ่น” อาจารย์เซ็นให้ข้อคิดกับเธอ
มิใช่เพียง ความรู้สึกของหญิงผู้นี้ต่อสามี ความรู้สึกระหว่างชายกับหญิงก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน หรือแม้กระทั่งระหว่างบุตรกับบุพการี ลูกศิษย์กับอาจารย์ บุคคลที่อีกฝ่ายหนึ่งเคยเชิดชูบูชา ถึงวันหนึ่งเมื่อชาชินเสียแล้วความชื่นชมยินดีก็เจือจางลง มิได้สำนึกในความรักหรือบุญคุณเช่นครั้งก่อน
ดังนั้นจึงอย่าได้มองข้าม คุณค่า คุณความดี ของผู้ใกล้ชิด รักกันชื่นชมกันให้มากเข้าไว้ ถึงวันหนึ่งเมื่อต้องจากกัน จะได้มีช่วงเวลาดีๆให้นึกถึง
Cr. ใครไม่ทราบจากญี่ปุ่น ขอนำบทความมาดัดแปลง แบ่งปันให้กันด้วยความขอบคุณ