แปลกใจที่ประเทศไทยทั้งที่เป็นหนึ่งใน 141 ประเทศที่ร่วมประณามรัสเซียเรื่องการรุกรานยูเครนตามมติขององค์การสหประชาชาติเมื่อไม่นานมานี้ ทว่าสุดท้ายเมื่อทางรัสเซียประกาศรายชื่อประเทศที่ไม่เป็นมิตรต่อรัสเซีย กลับไม่ปรากฏชื่อประเทศไทย พลิกผันไปได้ขนาดนั้น บางสำนักข่าวให้เหตุผลว่าเป็นเพราะรัสเซียรู้ว่าประเทศไทยจำยอมเพราะถูกกดดัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบรรดาทูตชาติตะวันตก 25 ประเทศ ที่ข่มขู่เรื่องการแบนสินค้าส่งออกจากประเทศไทย ฟังแล้วแปลกใจ เป็นเหตุผลง่ายๆอย่างนั้นจริงๆหรือ ในเมื่อไม่รู้จึงต้องสอบถามผู้รู้กันหน่อยวันก่อนมีโอกาสรับประทานอาหารเย็นกับเพื่อนสองคนที่เป็นอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศตะวันตกสองประเทศ ถามกันตรงๆว่าทำไมรัสเซียไม่มีปัญหากรณีประเทศไทยไปร่วม 141 ประเทศประณามรัสเซียอย่างนั้น คำตอบของท่านทูตทั้งสองคือประเทศไทยไม่ได้ประณามรัสเซีย โดยท่านขอให้ย้อนกลับไปฟังคำแถลงของเอกอัครราชทูตไทยประจำสหประชาชาติ จะเห็นว่าไม่มีแม้แต่คำเดียวในถ้อยแถลงของประเทศไทยที่เอ่ยชื่อรัสเซีย เป็นเพียงถ้อยแถลงกว้างๆเชิงหลักการ นี่คือส่วนหนึ่งในทักษะทางการทูตที่ทำให้ประเทศไทยเอาตัวรอดได้เสมอในหลายสถานการณ์ที่มีลักษณะหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้การเป็นประเทศเล็ก อำนาจต่อรองค่อนข้างน้อยทั้งด้านการเมือง การทหาร และการเศรษฐกิจทำให้นักการทูตจากประเทศไทยมีทักษะค่อนข้างสูงในการเจรจาต่อรอง ท่านทูตทั้งสองท่านยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้ประณามรัสเซีย ทั้งเรื่องนาโต้เวอร์ชั่นเอเชียที่หลายคนกังวลว่าการมีชื่อประเทศไทยเข้าร่วมจะทำให้จีนโกรธขึ้งประเทศไทยกระทั่งอาจกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับจีน ท่านทูตยังยืนยันว่าจีนเข้าใจและไม่มีปัญหา ภาษาทางการทูตเป็นเรื่องที่อาจยากสำหรับคนภายนอกที่จะทำความเข้าใจ แต่นี่คือทักษะทางการทูตที่ประเทศไทยถนัด เมื่อได้ฟังแล้วก็โล่งอก แม้จะยังไม่เข้าใจนักก็ตามที ลองไปฟังวิธีการใช้ภาษาทางการทูตในถ้อยแถลงของผู้แทนประเทศไทยในเวทีสหประชาชาติกันหน่อย จะได้เรียนรู้ไว้ #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน, #ทักษะทางการทูต, #รัสเซีย