ตรุษจีนกับตำนานเชิดมังกรและสิงโต

ตั้งแต่เกิดมาครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ราชการไทยในส่วนกลางกำหนดให้วันตรุษจีนเป็นวันหยุด ต้องขอบคุณแทนพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนด้วย ให้บังเอิญหนึ่งในนั้นคือครอบครัวข้างคุณแม่ของผมเองซึ่งมีเชื้อจีนแท้ๆมาจากกวางตุ้ง หวังว่าวันตรุษอิสลาม อิดิลฟิตริ และอิดิลอัฎฮา รัฐบาลจะให้เป็นหยุดของทุกคนด้วย หากจะให้เลือกหนึ่งวัน คงเลือกวันตรุษอิดิลฟิตริแม้เป็นวันตรุษเล็ก แต่มุสลิมฉลองกันมากกว่า ขอขอบคุณล่วงหน้าตรงนี้เลยก็แล้วกัน ส่วนครั้งนี้ขอฉลองให้พี่น้องไทยเชื้อสายจีนกันก่อน ขออนุญาตนำบทความเก่ามาปัดฝุ่นเล่าใหม่ก็แล้วกัน“ซั้น เจง หยี่ ยี ซั้น หนิน ฝัด ฉ่อย” “ซิง เจีย หยู่ อี่ ซิง นี้ ฮวด ไช้” สองประโยคนี้ ประโยคแรกเป็นของคนจีนภาคเหนือ ประโยคหลังเป็นของคนจีนภาคใต้ แปลเหมือนกันว่า “ขอให้มั่งมี สมปรารถนาทุกประการ” ในเมืองไทยเคยมีข้อมูลเผยออกมาว่าคนไทยอาจมากถึงร้อยละ 26 มีเชื้อสายจีน ไม่น้อยเลย ประเทศนี้คือดินแดนแห่งพหุวัฒนธรรม ใครไม่เชื่อก็ขอให้เชื่อเสียเถิดหลายคนอยากรู้ว่าทำไมวันตรุษจีน คนจีนทางตอนเหนือจึงนิยมเชิดมังกร ส่วนทางตอนใต้กลับเชิดสิงโต แถมจุดประทัดกันสนุกสนาน เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปดูตำนาน คำว่าตำนานแม้ส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องจริงแต่มีความสำคัญต่อความเชื่อศรัทธา มีส่วนทำให้ผู้คนเชื้อสายเดียวกันผูกพันกัน ดังนั้นหากรู้ตำนานของเพื่อนเราที่มีเชื้อสายจีน ก็ย่อมเป็นประโยชน์ต่อความรักสามัคคีของคนในชาติ จึงจำเป็นต้องรู้จักเพื่อนเราให้มากขึ้นสักหน่อยตำนานกล่าวว่าเมื่อย้อนหลังไปหลายพันปี คนจีนในเมืองจีนยังชีพอยู่ได้ด้วยอาชีพเกษตรกรรม เมื่อผู้คนหาสินทรัพย์และอาหารได้มากเกินตัวก็มักคิดถึงแต่ตนเองและครอบครัวลืมคิดถึงทวยเทพ ผลคือทวยเทพหรือแม้กระทั่งบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วเกิดอาการอดอยากปากแห้งเพราะไม่มีใครนึกถึงจากตำนาน เจ้าแห่งทวยเทพ (บ้างก็ว่าเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้บ้างก็ว่าเป็นองค์อื่น) อดรนทนพฤติกรรมมนุษย์ไม่ไหวจึงสาปให้โลกเจอภัยพิบัติถึงห้าปีติดต่อกัน ปีแรกฝนไม่ตกจนทำการเกษตรไม่ได้ ปีที่สองต้นไม้ใหญ่ไม่ให้ผล ถึงปีที่ห้าน้ำในบ่อคูคลองแม่น้ำพากันเหือดแห้งไปหมด เด็กทารกไม่มีนมแม่ดื่มเพราะนมแม่ในหัวอกมารดาต่างก็เหือดแห้งตามแม่น้ำไปด้วยนางพญามังกรหลิงแห่งมหาสมุทรทนฟังเสียงเด็กทารกร้องไห้เพราะหิวนมวันแล้ววันเล่าไม่ไหว วันหนึ่งเธอก็โผล่ขึ้นจากมหาสมุทรพาเอามวลไอน้ำจากมหาสมุทรเข้าฝั่งกลายเป็นฝนตกไปทั่วทั้งแผ่นดิน เจ้าแห่งเทพรู้เข้าก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเห็นว่าเธอขัดราชโองการจึงสั่งลงโทษด้วยการสับร่างของนางพญามังกรขาดเป็นหลายท่อนแล้วโปรยร่างของเธอลงมาบนโลก ให้มนุษย์ได้เห็นว่าใครกันแน่ที่ปกครองโลกมนุษย์ซึ่งก็คือคนจีนบนแผ่นดินใหญ่ไม่เกี่ยวกับพวกเรา เมื่อได้เห็นต่างตกอกตกใจช่วยกันนำร่างของนางพญามังกรมาเย็บเข้าด้วยกันด้วยด้ายไหมเส้นยาว จากนั้นจึงนำเอาไม้มาต่อร่างของเธอแล้วพากันเชิดเพื่อให้นางพญามังกรได้เคลื่อนไหวอีกครั้ง ทั้งยังพากันเผาไม้ไผ่ส่งเสียงดังอึกทึกเพื่อปลุกเธอให้ฟื้นคืนชีพ วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่าเธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นคืนชีวิต แต่คนจีนยังไม่ยอมลดละ จัดการเชิดมังกรจุดประทัดจนกลายเป็นประเพณีทุกวันตรุษจีน คนจีนพากันรำลึกถึงนางพญามังกรหลิง คนจีนทางเหนือยังคงประเพณีเชิดมังกรไว้ ส่วนคนจีนทางใต้ปรับเปลี่ยนมังกรให้มีขนาดเล็กลงกลายเป็นสิงโตไปในที่สุด แต่หากลองสังเกตดูจะเห็นว่าสิงโตจีนมีเขามังกรซ่อนอยู่ที่หน้าผากด้วย ที่แท้ก็เป็นมังกรหลิงตามตำนานนั่นเองนอกจากเชิดมังกรหรือสิงโตแล้ว ยังมีเรื่องของการไหว้เจ้า การใช้ขนมสารพัดสี รวมทั้งการใช้ข้าวเหนียวในการไหว้ทำไมต้องทำอย่างนั้น ไว้ปีต่อไปจะเล่าให้ฟัง เห็นทีต้องลองติดตามอ่านกันหน่อย #ตรุษจีน, #เชิดมังกร, #เชิดสิงโต, #drwinaidahlan, #ดรวินัยดะห์ลัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *