ช่วงนี้ยังอยู่ในระยะที่รัฐบาลขอความร่วมมือให้ทุกคน “อยู่บ้าน” (Stay home) ที่ทำงานของผม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ข้าราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่จึงหยุดงานกันหมด เว้นเฉพาะตำแหน่งที่สำคัญ ซึ่งครอบคลุมถึงตำแหน่งของผมในฐานะผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล (ศวฮ.) ด้วย ผมจึงมาทำงานทุกวันราชการ หากมหาวิทยาลัยให้ผู้บริหารหยุด ผมก็ยังมาทำงาน ไม่ใช่เพราะดื้อแต่งานมันหยุดไม่ได้จริงๆ ต้องดูแลสามสำนักงานทั้งที่ปัตตานีและเชียงใหม่ บุคลากรเกือบร้อย ฟันเฟืองจำเป็นต้องหมุน สายบริหารจึงสำคัญที่สุด
นโยบายอยู่บ้านนั้นเพื่อหยุดยั้งการแพร่เชื้อโควิด-19 ให้เหลือน้อยที่สุด เหลือศูนย์ยิ่งดีตามยุทธศาสตร์ป้องกันการระบาดที่เรียกว่า “การยับยั้ง” (Suppression) ในยุคแห่งข่าวสารฉับพลัน เราเห็นตัวเลขของทั้งโลก เป็นผลให้เกิดการแข่งขันทำสถิติลดการแพร่เชื้อในแต่ละประเทศให้เหลือน้อยที่สุด ตัวเลขเหล่านี้เรามองเห็น น่าเสียดายที่เรามองไม่เห็นตัวเลขการเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกาย ผมจึงยินดีที่เยอรมนีกำลังติดตามตัวเลขนี้ในประชากร เหตุที่นำเรื่องนี้มาพูดก็เพราะยุทธศาสตร์ Suppression ที่หลายชาติทำอยู่นี้ขัดขวางกลไกการพัฒนาภูมิต้านทานโดยธรรมชาติในร่างกาย กลไกการพัฒนาวัคซีนธรรมชาติ (Natural vaccine) จึงเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะร่างกายขาดโอกาสติดเชื้อแม้ในปริมาณน้อย สุดท้ายต้องรอวัคซีนสังเคราะห์ (Synthetic vaccine) อย่างเดียวเท่านั้น นี่คือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอภิมหาศาลระดับโลกที่ทุกคนถูกครอบงำอยู่ ไว้มีเวลาว่างค่อยคุยเรื่องนี้กัน เอาเป็นว่าเวลานี้เราเดินตามโลกคือตามยุทธศาสตร์ยับยั้งหรือ Suppression ไม่ต้องพูดถึงยุทธศาสตร์ปล่อย Unmitigation ที่ให้สังคมเกิดการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ herd immunity หรือยุทธศาสตร์หน่วง Mitigation ซึ่งผสมผสานระหว่างยุทธศาสตร์ปล่อยและยับยั้ง
ว่ากันตามตรง ผมไม่เห็นด้วยกับยุทธศาสตร์ยับยั้งนัก แต่เมื่อรัฐบาลพาสังคมเดินไปทางนั้น ผมพร้อมจะเดินไปด้วย ความเป็นนักวิชาการ ผมปวารณาตัวที่จะนำเสนอหนทางที่ดีที่สุดที่จะเดินไปในทิศทางนั้นเพื่อมิให้สังคมสับสน เริ่มด้วยมาตรการปกป้องตนเองซึ่งผมใช้เป้เล็กสะพายไหล่ใส่อุปกรณ์ปกป้องส่วนบุคคลหรือ PPE ไว้ครบถ้วนซึ่งนำเสนอไว้แล้ว ผมพกขวดน้ำเกลือเข้มข้นไว้ด้วยเป็นเกลืออินทรีย์ไว้กลั้วคอวันละสองสามครั้งเพื่อยับยั้งเชื้อไวรัสโควิดที่อาจหลุดรอดไปฟักตัวอยู่ในลำคอ รายงานจากจีนพบว่าการใช้น้ำเกลือเข้มข้นกลั้วลำคอให้ผลป้องกันเชื้อได้ดี
ผมมีกระติกน้ำร้อนขนาดเล็กไว้จิบน้ำร้อนทุกๆสิบนาทีเพื่อไล่เชื้อจากลำคอลงกระเพาะอาหารให้กลไกในทางเดินอาหารที่มีทั้งกรดด่างรวมถึงเชื้อแบคทีเรียพรีไบโอติกส์ทำลายเชื้อโรคที่ไม่พึงประสงค์ ก่อนมาทำงานผมดื่มน้ำมะนาวเพื่อให้ได้รับวิตามินซีธรรมชาติซึ่งดีกว่าวิตามินซีสังเคราะห์ที่วางจำหน่ายกันอยู่ สุดท้ายผมมีกล่องข้าวที่ภรรยาผมช่วยเตรียมมื้อกลางวันให้จากบ้าน เว้นวันจันทร์กับวันพฤหัสที่ผมถือศีลอด ส่วนมื้อเย็นส่วนใหญ่ผมกลับไปทานที่บ้าน พักนี้กลับบ้านเร็ว ซึ่งในเวลาปกติผมถึงที่ทำงานเวลาตีห้า กว่าจะกลับก็สี่ทุ่มล่วงไปแล้ว กลับเร็วระยะนี้จึงรู้สึกถึงความไม่ปกติ ไว้ว่างเมื่อไหร่จะเขียนเรื่องวัคซีนธรรมชาติให้อ่านกัน อ่านแล้วจะได้เข้าใจว่าเหตุใดจึงไม่เห็นด้วยกับยุทธศาสตร์ยับยั้งนัก